นี่คือ “นกอินทรีทะเล”(สเตลเลอร์) ที่เป็นนกอินทรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก

ในธรรมชาติมีสัตว์มากมายที่บนบกและในน้ำ ทั้งยังมีสัตว์ที่สามารถโบยบินได้อย่างอิสระไปบนท้องฟ้า ซึ่งสัตว์ขนาดใหญ่ที่สามารถบินได้อย่างนกนั้นก็มีหลากหลายชนิด

รูปที่ 1. นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ (อ้างอิง: Twitter)

นี่คือนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ (Steller’s Sea-Eagle) นกอินทรีแห่งท้องทะเลที่มักจะถูกเรียกว่าเป็นนกล่าเหยื่อที่สง่างาม ซึ่งเป็นนกอินทรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่มีน้ำหนักประมาณ 5-9 กิโลกรัม และมีช่วงปีกกว้าง 2.2-2.45 เมตร ที่ถูกบันทึกโดยกินเนสส์บุ๊กเวิลด์เรคคอร์ด (Guinness Book of World Records) นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นมีสีเข้ม ที่ลำตัว หน้าผากและไหล่ ส่วนต้นขาและหางมีสีขาว ส่วนขาและจงอยปากมีสีเหลืองสดใส

นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นได้รับการตั้งชื่อตามนักสัตววิทยาและนักสำรวจในศตวรรษที่ 18 จอร์จ วิลเฮล์ม สเตลเลอร์ (Georg Wilhelm Steller) ซึ่งพวกมันถือว่าเป็นญาติสนิทของนกอินทรีหัวล้าน (Bald Eagle) และนกอินทรีทะเลหางขาว (White-Tailed Sea-Eagle) ซึ่งนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นถือว่าเป็นนกที่หายากและไม่ค่อยมีใครรู้จักเกี่ยวกับพวกมันมากนัก เนื่องจากความห่างไกลของถิ่นที่อยู่หลักของพวกมัน ที่อยู่แถวชายฝั่งและแม่น้ำทางตะวันออกเฉียงเหนือของไซบีเรียในรัสเซีย โดยใช้เวลาส่วนใหญ่ในฤดูร้อนและจะผสมพันธุ์ในรัสเซียเป็นหลัก ซึ่งบางตัวก็อยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี แต่อีกหลายตัวก็อพยพไปทางใต้เล็กน้อยสำหรับฤดูหนาวไปยังหมู่เกาะคูริลทางตอนใต้และไปยังฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีอาหารอุดมสมบูรณ์มากกว่า

พวกมันมีการมองเห็นด้วยที่สามารถระบุตำแหน่งของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ ตาทั้งสองข้างที่สามารถมองได้มากกว่า 30 เมตร โดยอาหารส่วนใหญ่ของพวกมันจะเป็นปลาแซลมอนและปลาเทราท์เป็นหลัก แต่พวกมันก็สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้ โดยกินได้ทั้งสัตว์ที่ตายแล้วหรือมีชีวิตอยู่ เช่น ปลา ปู หรือแม้แต่ซากกวาง ซึ่งนี่เป็นกลยุทธ์ในการเอาชีวิตรอดในสภาพแวดล้อมที่รุนแรง พวกมันใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเกาะอยู่บนหน้าผาริมทะเลหรือต้นไม้และใช้ดวงตาของพวกมันในการมองหาอาหาร พร้อมที่จะโฉบเข้าหาเหยื่อผู้เคราะห์ร้าย เช่นเดียวกับนักล่าทุกตัว โดยพวกมันจับเหยื่อด้วยกรงเล็บที่แหลมคมราวกับใบมีดและจะไม่ปล่อยมันไปจนกว่าเหยื่อจะตาย

รูปที่ 2. รังนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ (อ้างอิง: Canva)

นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นจะใช้ประโยชน์จากการอพยพกลับไปวางไข่ของปลาแซลมอนประจำปี เพื่อกินเป็นอาหารและพวกมันยังเป็นที่รู้จักในการล่าสัตว์ขณะบินและจับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก ปลาและนกทะเล ด้วยการโฉบลงมาจับด้วยกรงเล็บของพวกมัน แต่ก็เคยเห็นนกอินทรีเหล่านี้ยืนอยู่ในน้ำตื้นหรือบนน้ำแข็ง จับปลาขณะว่ายผ่านไป และเช่นเดียวกับนกอินทรีชนิดอื่นๆ อีกทั้งยังขโมยอาหารจากนกอื่นๆอีกด้วย ในสวนสัตว์ซานดิเอโก นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นจะได้รับอาหารเป็นกระต่าย หนู และปลา หมุนเวียนกันไปเช่นเดียวกับการกินเนื้อสัตว์ของมนุษย์เราและยังมีวันที่จะต้องให้พวกมันอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายของพวกมันมีเวลาย่อยอาหารมื้อก่อนอีกด้วย

รังนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นเรียกว่าแอร์รี (Aerie) ที่สร้างขึ้นในที่สูงบนต้นไม้ที่ตายแล้วหรือเปิดโล่งใกล้แม่น้ำหรือบนหน้าผาหินซึ่งสูงถึง 30 เมตร เหนือพื้นดิน ซึ่งเป็นรังขนาดใหญ่ที่สร้างจากกิ่งไม้ในบางครั้งอาจจะมีกิ่งไม้มากถึง 400 กิ่งขึ้นไป ซึ่งรังมักไม่ค่อยถูกสร้างขึ้นไกลจากแนวชายฝั่ง ซึ่งทำให้นกอินทรีอยู่ใกล้กับปลาที่เป็นอาหารส่วนใหญ่ของพวกมัน ซึ่งรังที่เปิดโล่งเหล่านี้ช่วยให้นกเข้าถึงและออกจากรังได้ง่าย โดยทั่วไปแล้วนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ที่เป็นคู่รักจะกลับไปที่รังเดียวกันทุกปี ซึ่งรังมีความกว้างประมาณ 1.8-2.4 เมตร และสามารถชั่งน้ำหนักได้หลายร้อยกิโลกรัม ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกที่รังจะขยายใหญ่จนหนักและตกลงมาที่พื้น

พวกมันสามารถส่งเสียงได้ดังมาก ซึ่งมีเสียงดัง รา-รา-รา-เราเรา โดยในช่วงฤดูผสมพันธุ์จะเสียงเหมือนนกนางนวลแต่ดังมากกว่า การผสมพันธ์ุจะเกิดขึ้นในช่วงปลายฤดูหนาว และตัวเมียจะเริ่มวางไข่สีขาวอมเขียวในช่วงกลางฤดูใบไม้ผลิ โดยปกติพวกมันจะมีการวางไข่ครั้งละ 1-3 ใบ แต่จะมีลูกนกเพียงตัวเดียวเท่านั้นที่รอดชีวิต โดยมีระยะฟักไข่นานประมาณ 39-45 วัน ซึ่งลูกนกจะมีขนาดใหญ่ มีขนสีเทา-ขาว ที่ค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล โดยจะเริ่มเรียนรู้ที่จะบินเมื่ออายุประมาณ 10 สัปดาห์ ซึ่งลูกนกกินปลาประมาณ 0.4 กิโลกรัม ทุกวันจนถึงอายุ 5 สัปดาห์ โดยพวกมันมีอายุอยู่ได้ประมาณ 5 ปี

รูปที่ 3. บริเวณที่นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ผสมพันธุ์และอพยพ (อ้างอิง: Researchgate)

นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์นั้นได้รับการคุ้มครองในรัสเซีย ซึ่งเป็นที่เดียวที่พวกมันผสมพันธุ์ แต่มนุษย์ก็ยังคงทำร้ายประชากรของนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ที่เหลืออยู่ โดยในรัสเซียนั้นกำลังสูญเสียที่อยู่อาศัยเนื่องจากการพัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังน้ำและการตัดไม้ในพื้นที่ป่าที่พวกมันทำรัง ในแม่น้ำที่มีปลาก็ถูกปนเปื้อนด้วยสารเคมีจากอุตสาหกรรมในท้องถิ่น

ในญี่ปุ่น นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์กินทั้งปลาและซากสัตว์ ซึ่งการจับปลามากเกินไปโดยมนุษย์ในน่านน้ำญี่ปุ่นทำให้นกเหล่านี้ไปกินซากกวางซิก้าที่ยังคงเหลือไว้จากการล่าของมนุษย์ ซึ่งการกินซากศพที่เต็มไปด้วยกระสุนตะกั่วจากการล่ามีผลกระทบร้ายแรงต่อประชากรของนกพวกนี้ ซึ่งนำไปสู่การออกกฎหมายของกระสุนตะกั่วบนเกาะฮอกไกโดของญี่ปุ่น ในปี ค.ศ. 2009 มีจำนวนประชากรของนกประมาณ 5,000 ตัว แต่กำลังลดลงอย่างช้าๆ

ยังมีอะไรให้เรียนรู้อีกมากเกี่ยวกับนกอินทรีเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปีแรกๆ โดยความพยายามในการวิจัยด้านการอนุรักษ์เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1992 ที่เขตอนุรักษ์ธรรมชาติมากาดานของรัสเซีย และในปี ค.ศ. 2006 พันธมิตรสัตว์ป่าสวนสัตว์ซานดิเอโกและการวิจัยทางธรรมชาติได้ร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ที่นั่นเพื่อศึกษาการอพยพของนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ในถิ่นที่อยู่ของพวกมัน เพื่อตรวจสอบอันตรายที่นกโตเต็มวัยได้เผชิญ ด้วยความหวังว่าจะปกป้องนกเหล่านี้ นักวิทยาศาสตร์ด้านการอนุรักษ์สำรวจรังและสมาชิกในทีมได้ปีนต้นไม้ที่เป็นรังเพื่อเก็บนก ชั่งน้ำหนัก เก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อจากนกและติดแท็ก เพื่อให้นักวิจัยสามารถติดตามการเคลื่อนไหวของพวกมันได้

ทีมงานรู้สึกประหลาดใจที่พบว่ามีการไล่ล่านกเหล่านี้ถึงแม้จะได้รับการคุ้มครอง ผลการศึกษาเบื้องต้นพบว่าลูกนกมีโอกาสเสียชีวิตสูง ซึ่งสวนสัตว์ซานดิเอโกมีนกอินทรีทะเลสเตลเลอร์ 1 คู่ ซึ่งเราหวังว่าการได้เห็นนกที่น่าตื่นตาตื่นใจเหล่านี้อย่างใกล้ชิดจะช่วยกระตุ้นให้ผู้มาเยือนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์นกอินทรีทะเลสเตลเลอร์เหล่านี้

อ้างอิง: Animals, Nature, Guinnessworldrecords

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *