ชาวอิตาลีกำลังต่อสู้กับการรุกรานของปูม้า (Blue Crabs) ที่เพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วและรุกรานกินสัตว์อื่นๆ โดยพวกเขาคิดว่าหากคุณไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้ ก็กินมันซะ ชาวประมงและนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้เตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงจากการเพิ่มขึ้นของประชากรของสายพันธุ์ที่รุกรานอย่างรวดเร็วในฤดูร้อน โดยปูม้านั้นจะกินปลาไหล หอยกาบ และหอยแมลงภู่ และสร้างความเสียหายให้กับอวนจับปลา โดยสมาคมการเกษตรโคลดิเรตตี (Coldiretti) และสมาคมประมงจึงอยู่ที่เบื้องหลังกิจกรรมต่างๆในช่วงฤดูร้อนนี้ โดยพยายามแนะนำอาหารหลักของฤดูร้อนแบบอเมริกันให้กับชาวอิตาเลียนได้ลิ้มลอง ในเมนูที่โรงแรมฟาร์มบ้านไร่เวเนโต (Veneto agriturismo) เช่น สลัดปูโรสแมรี่ ปูสไตล์เวนิส (กับหัวหอมและน้ำส้มสายชูเปรี้ยว) และพาสต้าปูผัดกระเทียม
รูปที่ 1. ปูลิงกวินี Crab Linguine (อ้างอิง: Nospoonnecessary)
“เรามักจะทำปูบนตะแกรง กินพร้อมลิงกวินี” เดวิด เซอร์จิโอ (Davide Sergio) พ่อครัวที่ร้านอาหารของ La Peschereccia ซึ่งเป็นสมาชิกสหกรณ์ชาวประมงในออร์เบเทลโล (Orbetello) บนชายฝั่งทัสคานี (Tuscan) กล่าว อย่างไรก็ตาม รายการเมนูใหม่นี้เป็นหลักฐานบ่งชี้ถึงภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นกับระบบนิเวศทางทะเลและการประมงของอิตาลี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเก็บเกี่ยวหอยที่มีคุณภาพซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในอาหารหลักของอิตาลีอย่างสปาเก็ตตี้ อัลเล วองโกเล โดยอิตาลีเป็นผู้ผลิตหอยรายใหญ่ที่สุดในยุโรปและใหญ่เป็นอันดับสามของโลกรองจากจีนและเกาหลีใต้ ตามข้อมูลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2564 แต่ปูม้าซึ่งเป็นสัตว์ที่ว่ายน้ำได้เร็วและแข็งแรง อีกทั้งยังกินจุและดุร้าย โดยที่พวกมันไม่มีผู้ล่าตามธรรมชาติที่นี่นอกจากชาวประมง ทำให้ผู้เลี้ยงหอยกาบและหอยแมลงภู่ของอิตาลีตกอยู่ในภาวะวิกฤต เฟเดอรากริเปสก้า (Federagripesca) กลุ่มอุตสาหกรรมประมงประเมินว่ากว่า 50% ของการผลิตหอยในปีนี้ได้รับความเสียหาย
โดยรัฐบาลอิตาลีได้จัดสรรเงิน 2.9 ล้านยูโร หรือประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อต่อสู้กับการบุกรุกและทำลายล้างการเก็บเกี่ยวหอย แต่ตอนนี้ปัญหายังเกี่ยวข้องกับฟาร์มเลี้ยงปลาประเภทอื่นๆในส่วนต่างๆของอิตาลี ในทะเลสาบของเขตอนุรักษ์ธรรมชาติออร์เบเทลโล ปูม้ากำลังกินปลาซีบรีมและปลาไหล ซึ่งเป็นของรางวัลที่จับได้ในฤดูหนาวที่หล่อเลี้ยงเศรษฐกิจท้องถิ่นมานานหลายศตวรรษ และนำมาปรุงอาหารแบบดั้งเดิมมากมาย ตอนนี้พบปลาไหลไม่มีหัวหรือขาดเป็นชิ้นๆ ชาวประมงมักจะพบอวนที่ขาดซึ่งปลาทั้งหมดหลุดรอดไปได้ ซึ่งเป็นหลักฐานของก้ามที่แข็งแรงของปูที่สามารถฉีกตาข่ายได้
รูปที่ 2. ทะเลสาบออร์เบเทลโล (อ้างอิง: Canva)
“พวกมันก้าวร้าว รวดเร็ว และเป็นสัตว์ที่มีสติปัญญา เราต่อสู้กับปูม้าพวกนี้ แต่พวกมันแข็งแกร่งกว่าเราเพราะมีจำนวนมาก” มาร์โก จูดิชิ (Marco Giudici) นักตกปลาในทะเลสาบออร์เบเทลโลมานานกว่า 40 ปีกล่าว เขายังมีรอยแผลเป็นจากการสู้รบ บนนิ้วโป้งข้างหนึ่งเขามีรอยจากก้ามปู จากชายฝั่งอเมริกาได้แพร่กระจายไปทั่วโลก โดยอาจขนส่งด้วยเรือ และเติบโตในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไม่เพียงแต่ในอิตาลีเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในแอลเบเนีย สเปน และฝรั่งเศสด้วย
บนชายฝั่งทัสคานีเมื่อปีที่แล้ว ปูยังคงเป็นของหายาก ตอนนี้แทบจะไม่มีเรือประมงกลับเข้าเทียบท่าโดยไม่มีปูม้าหลายสิบตัวอยู่บนเรือ “จากมุมมองด้านสิ่งแวดล้อม ปูม้าเป็นปัญหาที่แท้จริงเพราะพวกมันโจมตีปลาวัยอ่อน ปลาไหล และพวกมันรบกวนวงจรอาหารของปลาเพราะพวกมันกินหอย หอยแมลงภู่ และหอยนางรม” กล่าวโดยปิแอร์ลุยจิ ปิโร ประธานของ สหกรณ์ La Peschereccia “โชคไม่ดีที่พวกมันกำลังเติบโตอย่างทวีคูณ เพราะดูเหมือนว่าพวกมันจะพบที่อยู่อาศัยในอุดมคติของพวกมันในทะเลสาบออร์เบเทลโล” ปิโรกล่าว
ปูม้าตัวเมียผลิตไข่ประมาณครึ่งล้านฟองต่อปี และอาจมากถึง 2 ล้านฟอง นักชีววิทยาทางทะเลเชื่อว่าอุณหภูมิน้ำทะเลที่สูงขึ้นอาจจะช่วยให้พวกมันแพร่กระจายและเพิ่มจำนวนได้ “โดยปกติแล้ว ในบางช่วงเวลาของปี เมื่อน้ำลดต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส ปูชนิดนี้จะไม่สามารถอยู่ได้ แต่ตอนนี้พบอุณหภูมิที่เหมาะสมที่สุดในช่วง 12 เดือนของปี” เอนริกา ฟรานกี (Enrica Franchi) นักชีววิทยาทางทะเลจาก มหาวิทยาลัยเซียนา กล่าว
รูปที่ 3. ปูม้า (อ้างอิง: Canva)
ซึ่งต่างจากทางตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ที่จับปูได้มากมายจนส่วนใหญ่ขายไม่ได้ แต่ที่ทัสคานีตอนนี้ปูเกือบทั้งหมดขายต่อให้ร้านอาหารหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเริ่มวางโชว์บนเคาน์เตอร์ขายปลาเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน สหกรณ์ออร์เบเทลโลขายปูในราคา 8 ยูโรต่อกิโลกรัม (300 บาท) ให้กับบุคคลทั่วไปหรือซูเปอร์มาร์เก็ต ที่ร้านอาหาร 10 ยูโร (380 บาท) ซื้อปูย่างสี่ตัวหรือลิงกวินีผัดกับปู มะเขือเทศ หัวหอม ใบโหระพา และซอสพริก “มันเป็นที่นิยมในหมู่ผู้คนมากและหมดในครึ่งชั่วโมงแรก” เชฟเซอร์จิโอ (Sergio) แห่ง La Peschereccia กล่าว
อ้างอิง: Apnews
