นี่คือ”น้ำตก”(ช่องแคบเดนมาร์ก) เป็นน้ำตกใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลก

แม่น้ำที่ไหลผ่านช่องเขาและไหลลงจากที่สูงไปพื้นที่ที่ต่ำกว่าสร้างสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เรียกว่า น้ำตก ซึ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายล้านคนให้มาชมความงาม ความยิ่งใหญ่และพลังอันน่าทึ่งของมัน แต่ไม่มีน้ำตกใดจะใหญ่หรือทรงพลังมากไปกว่าน้ำตกที่อยู่ใต้มหาสมุทร

รูปที่ 1. เกาะมอริเชียส (Island of Mauritius) ที่แสดงให้เห็นว่าน้ำตกใต้น้ำเป็นอย่างไร (อ้างอิง: Twitter)

นี่คือน้ำตกช่องแคบเดนมาร์ก (Denmark Strait Cataract) ซึ่งเป็นน้ำตกใต้ทะเลที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่อยู่ใต้บริเวณช่องแคบเดนมาร์กซึ่งกั้นระหว่างไอซ์แลนด์และกรีนแลนด์ มีความสูงประมาณ 3,500 เมตร มากกว่าความสูงของน้ำตกบนบกที่สูงที่สุดอย่างน้ำตกแองเจิล (Angel Falls) ถึงสามเท่า นักวิทยาศาสตร์พบว่าน้ำตกก่อตัวขึ้นเมื่อน้ำที่เย็นกว่าและหนาแน่นกว่าจากทะเลนอร์ดิก (Nordic Seas) มาบรรจบกับน้ำที่อุ่นกว่าและเบากว่าจากทะเลเออร์มิงเกอร์ (Irminger Sea) ซึ่งน้ำเย็นที่หนักกว่าจะไหลลงไปใต้น้ำอุ่นและทำให้เกิดการไหลลงประมาณ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ซึ่งการเปรียบเทียบน้ำตกบนบกที่มีอัตราการไหลของน้ำตกไนแอการา (Niagara Falls) บริเวณพรมแดนระหว่างสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ที่มีอัตราการไหลของน้ำตกอยู่ที่ 2,407 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีเท่านั้น รองลงมาคือน้ำตกอิกัวซู (Iguazú Falls) บริเวณพรมแดนระหว่างอาร์เจนตินาและบราซิล และน้ำตกวิกตอเรีย (Victoria Falls) ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างซิมบับเวและแซมเบีย ซึ่งเป็นอันดับสามด้วยอัตราการไหลน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของน้ำตกไนแองการ่า แต่นักภูมิศาสตร์ได้ตัดสินใจว่าน้ำตกวิกตอเรียจะมีขนาดใหญ่ที่สุด โดยพิจารณาจากความกว้างรวมกัน 1,708 เมตร และมีความสูง 108 เมตร ความสูงและความกว้างของน้ำตกวิกตอเรียเป็นคู่แข่งกับน้ำตกอีกวาซูเท่านั้น แต่นั่นเป็นเพียงบนบกเท่านั้น

รูปที่ 2. การไหลของน้ำตกช่องแคบเดนมาร์กจากความแตกต่างของอุณหภูมิ (อ้างอิง: Oceanservice)

นักสมุทรศาสตร์รู้จักน้ำตกใต้ทะเลตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1870 แต่ความลึกที่มากและพื้นที่จำกัดทำให้ไม่สามารถศึกษาได้ จนกระทั่งถึงทศวรรษที่ 1960 ก็สามารถตรวจสอบได้ด้วยอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีการค้นพบน้ำตกประมาณ 6 แห่ง ในมหาสมุทรแอตแลนติกเพียงแห่งเดียว ทั้งหมดนั้นยิ่งใหญ่มาก ตัวอย่างเช่น น้ำตกเซร่า (Ceara Cataract) ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือระหว่างทวีปอเมริกาใต้และแอฟริกามีอัตราการไหลระหว่าง 1-2 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ในทำนองเดียวกัน น้ำตกริโอแกรนด์ (Rio Grande Cataract) ที่ละติจูด 20 องศาใต้ในมหาสมุทรแอตแลนติกมีอัตราการไหลถึง 4 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวินาที อาจใหญ่พอๆ กับน้ำตกช่องแคบเดนมาร์ก

อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างของอุณหภูมิระหว่างน้ำไม่ได้เป็นเพียงแรงผลักดันเดียวของการไหลของน้ำจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ตัวอย่างเช่น น้ำตกช่องแคบยิบรอลตาร์ (Strait of Gibraltar) เกิดจากความแตกต่างของความเค็มของน้ำในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน (Mediterranean Sea) มีความเค็มกว่ามากเนื่องจากการระเหย และดังนั้นจึงมีความหนาแน่นกว่าน้ำในมหาสมุทรแอตแลนติกมาก แม้ว่าทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจะอุ่นกว่าก็ตาม สิ่งนี้ทำให้น้ำที่ไหลออกจากทะเลเมดิเตอร์เรเนียนผ่านช่องแคบยิบรอลตาร์จมลงสู่มหาสมุทรแอตแลนติกเป็นน้ำตก

น้ำตกในมหาสมุทรมีบทบาทสำคัญในการรักษาความเค็มและสภาพอากาศของมหาสมุทร พวกมันยังมีผลกระทบต่อชีววิทยาทางทะเลอีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น ตัวเคย (Krill) ซึ่งเป็นสัตว์จำพวกครัสเตเชียนขนาดเล็กที่รวมตัวกันใกล้หมู่เกาะเซาท์เช็ตแลนด์ (South Shetland Islands) ใกล้แอนตาร์กติกา เพื่อวางไข่ พื้นที่วางไข่อยู่ใกล้กับกระแสน้ำอ้อมแอนตาร์กติกขนาดมหึมาซึ่งพัดไปทางตะวันออก จากนั้นตัวอ่อนที่ฟักออกมานั้นจะอยู่ห่างจากทิศตะวันตกหลายร้อยกิโลเมตร แม้ว่ากระแสน้ำรอบแอนตาร์กติกจะไหลไปทางทิศตะวันออกก็ตาม ปัจจุบัน นักชีววิทยาเชื่อว่าไข่จะจมลงหลังจากวางไข่แล้วเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกโดยน้ำตกใต้น้ำ หลังจากฟักไข่ ตัวอ่อนจะเติบโตและถูกกระแสน้ำแอนตาร์กติกพัดพากลับไปทางทิศตะวันออกไปยังพื้นที่วางไข่

อ้างอิง: Dailynews, Oceanservice

8 Comments

  1. I’m often to blogging and i really appreciate your content. The article has actually peaks my interest. I’m going to bookmark your web site and maintain checking for brand spanking new information.

  2. Cool. I spent a long time looking for relevant content and found that your article gave me new ideas, which is very helpful for my research. I think my thesis can be completed more smoothly. Thank you.

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *