นี่คือปรากฏการณ์ “ซันด็อก” ที่ทำให้ดูเหมือนมีดวงอาทิตย์ 3 ดวง

ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติบนท้องฟ้าที่เกิดขึ้นภายใต้สภาวะเฉพาะ การผสมสีตามธรรมชาติที่สวยงามมักอยู่ได้ไม่นาน ไม่ว่าจะเป็นสายรุ้งที่เกิดขึ้นได้หลากหลายสีซึ่งมาและไปอย่างรวดเร็ว

รูปที่ 1. ปรากฏการณ์ซันด็อกหรือที่เรียกว่า ปรากฏการณ์อาทิตย์ 3 ดวง (อ้างอิง: Scienceabc)

นี่คือปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) หรือที่เรียกว่า ปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ 3 ดวง เป็นปรากฏการณ์ทางแสงในชั้นบรรยากาศที่เกิดจากผลึกน้ำแข็งหกเหลี่ยมที่ลอยอยู่ในเมฆที่ลอยอยู่ในระดับต่ำ ผลึกน้ำแข็งเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นปริซึม หักเหลำแสงที่ผ่านเข้ามา เมื่อผลึกตกลงในอากาศในแนวดิ่ง พวกมันหักเหแสงอาทิตย์ในแนวนอน ซึ่งนำไปสู่การก่อตัวของซันด็อก แสงอาทิตย์เข้าสู่ด้านหนึ่งของผลึกและทะลุผ่านอีกด้านหนึ่ง โดยทำมุม 60 องศากับด้านแรก แสงจะเบี่ยงเบนไป 22° หรือมากกว่านั้น สีแดงเป็นสีที่เบี่ยงเบนน้อยกว่า ทำให้ขอบด้านในเป็นสีแดง ไกลออกไปสีจะจางหายไปจากเฉดสีส้มเป็นสีน้ำเงิน ส่วนใหญ่แล้วสีจะเหลื่อมกันและส่งผลให้มีสีขาวหลายเฉดในที่สุด แสงเหล่านี้เบี่ยงเบนไปตามมุมอื่นและก่อตัวเป็นรัศมีล้อมรอบดวงอาทิตย์

การก่อตัวของผลึกน้ำแข็งของปรากฏการณ์ซันด็อก จะลอยตัวอยู่ในเมฆเซอร์รัส (Cirrus Clouds) พวกมันเคลื่อนที่ในแนวตั้งลงมาในอากาศ ผลึกบางส่วนเป็นแผ่นแบนหกเหลี่ยมและมักจะวางด้านแบนในแนวนอน ผลึกเหล่านี้เริ่มทำหน้าที่เป็นปริซึมที่หักเหแสง โดยแสงดวงอาทิตย์จะถูกหักเหโดยผลึกเหล่านี้ จึงเกิดเป็นซันด็อกดังรูป

รูปที่ 2. อธิบายปรากฏการณ์ซันด็อก (อ้างอิง: Scienceabc)

ผลึกน้ำแข็งจะหักเหแสงของดวงอาทิตย์ทั้งหมด แต่เราจะมองเห็นเฉพาะแสงที่ส่องมายังดวงตาของเราเท่านั้น ในบางครั้งสิ่งเหล่านี้ปรากฏเป็นเศษเสี้ยวของรุ้งกินน้ำและในบางกรณี พวกมันดูเหมือนดวงอาทิตย์อีกดวงหนึ่ง โดยสามารถเกิดขึ้นได้ตั้งแต่ 15-30 นาที ขึ้นอยู่กับเงื่อนไข รูปร่างของผลึกจะกำหนดรูปแบบของซันด็อก ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งวงกลมรอบดวงอาทิตย์ที่เรียกว่า ซันโฮโล (Sun Halo) หรือพระอาทิตย์ทรงกลด ปรากฏการณ์ซันด็อกจะเกิดจุดสว่างสองจุดบนด้านใดด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านของดวงอาทิตย์ ระยะห่างระหว่างซันด็อกและซันด็อกส่งผลต่อสีของซันด็อก ปรากฏการณ์ซันด็อกจะชัดเจนและมองเห็นได้มากขึ้น เช่น เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้าและเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นมากขึ้น ซันด็อกก็เริ่มจางหายไป เนื่องจากแสงที่ส่องผ่านผลึกน้ำแข็งจะเบ้และมุมเบี่ยงเบนเพิ่มขึ้น

มีความเชื่อและคำพูดมากมายเกี่ยวกับปรากฏการณ์ซันด็อก ชาวกรีกโบราณเชื่อว่าการเกิดปรากฏการณ์ซันด็อกหมายถึงว่า กำลังจะมีพายุมา บางคนเชื่อด้วยว่าซันด็อกหมายถึง วันที่อากาศดี นอกจากนี้ หากปรากฏการณ์ซันด็อกเกิดขึ้นในต้นเดือนธันวาคมหรือปลายเดือนมกราคม ผู้คนมักจะพูดว่า คืนนี้อากาศจะแจ่มใสเหมือนระฆังและเย็นยะเยือกราวกับนรก หรือบางครั้งซันด็อกมักถูกมองว่าเป็นสัญญาณของฝนหรือหิมะที่กำลังจะมาถึง และโดยทั่วไปมักหมายถึงความโชคดี

รูปที่ 3. ปรากฏการณ์ซันด็อกและพระอาทิตย์ทรงกลด (อ้างอิง: Globalnews)

โดยปรากฏการณ์นี้ยังเกิดขึ้นกับดวงจันทร์ ซึ่งเรียกว่ามูนด็อก (Moon Dog) สิ่งนี้มีความสำคัญน้อยกว่าและหายากกว่ามาก เนื่องจากแสงจันทร์ไม่สว่างเท่าแสงอาทิตย์ สังเกตได้ว่าปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์ดวงอื่น เช่น ดาวเนปจูน ดาวยูเรนัส ดาวพฤหัสบดี และดาวเสาร์ ในกรณีของดาวเคราะห์เหล่านั้น ซันด็อกเกิดจากทั้งน้ำแข็งที่เกิดจากน้ำและน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนไดออกไซด์หรือน้ำแข็งแห้ง เห็นได้ชัดว่าซันด็อกเป็นหนึ่งในความลึกลับของธรรมชาติที่น่าอัศจรรย์และน่าหลงใหล

อ้างอิง: Scienceabc

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *