ในธรรมชาตินั้นจะมีผู้ล่าและผู้ถูกล่า โดยผู้ถูกล่าหรือเหยื่อมักจะปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลงเพื่อความอยู่รอด ในบางครั้งก็ซ่อนตัวโดยการเปลี่ยนสี การพรางตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อม แต่ก็มีสัตว์ที่พรางตัวโดยการเลียนแบบและปลอมตัวเป็นสัตว์นักล่าแทน
หนอนแก้วหัวงู (Hemeroplanes triptolemus) หนอนผีเสื้อชนิดนี้อยู่ในตระกูลวงศ์สฟิงยิดี้ (Sphingidae) ที่เป็นนักพรางตัวโดยการเลียนแบบและปลอมตัวเป็นงูที่เป็นสัตว์นักล่าเพื่อข่มขู่ศัตรู ซึ่งมีถิ่นกำเนิดอยู่ในป่าอันเขียวชอุ่มของป่าอเมซอน สัตว์ชนิดนี้ถูกบันทึกได้โดยแอนเดรียส เคย์ (Andreas Kay)
เมื่อถูกรบกวน หนอนแก้วหัวงูนี้จะขยายส่วนต่างๆของร่างกายส่วนแรก ซึ่งเลียนแบบหัวงูที่มีดวงตาสีดำหรือแม้กระทั่งแสงสะท้อน โดยพวกมันจะต้องเหวี่ยงตัวไปข้างหลังและบิดตัวเพื่อให้เห็นด้านล่างซึ่งมีเฉดสีที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะพบกับสีเหลือง สีขาว และสีดำ
เมื่อถูกคุกคามพวกมันจะห้อยลงมาจากกิ่งไม้ เผยให้เห็นลวดลายด้านล่างที่เลียนแบบหนังงูปลอมและจุดตาที่เปล่งประกายระยิบระยับ พวกมันจะพองส่วนหัวเพื่อสร้างภาพลวงตาของกะโหลกศีรษะรูปสามเหลี่ยมที่บวมด้วยต่อมพิษที่เป็นรูปร่างของงูนักล่าที่หิวโหย หนอนแก้วหัวงูนั้นจะพุ่งเข้าใส่ราวกับจะโจมตี ถึงแม้ว่าพวกมันจะไม่มีเขี้ยวเล็บจริงๆ แต่กลยุทธ์ที่ใช้ก็ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพมาก นักวิจัยพบว่าจุดตาและหัวรูปงูสามารถช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของพวกมันจากนักล่าเหยื่อได้เป็นอย่างมาก
ในขณะที่สัตว์หลายชนิดจะดึงความสนใจของนักล่าให้ออกห่างจากศีรษะ แต่สำหรับหนอนแก้วหัวงูนั้นใบหน้าของงูปลอมจะอยู่ที่ปลายด้านเดียวกันกับใบหน้าจริงของพวกมัน เพราะถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายพวกมันถูกเจาะหรือฉีกขาดโดยผู้ล่า พวกมันเองก็อาจจะไม่มีชีวิตรอด
ซึ่งการป้องกันนี้เป็นเพียงแค่การข่มขู่หรือเริ่มต้นการโจมตี ทำให้นักล่ามักจะหนีไปแทนที่จะเสี่ยงเผชิญหน้ากับงูโดยตรง หากไม่มีระบบป้องกันที่ดีนี้ หนอนแก้วหัวงูก็เป็นอาหารที่อุดมด้วยพลังงานสำหรับผู้ล่าในป่า ดร.โธมัส ฮอสซี (Dr.Thomas Hossie) ผู้เชี่ยวชาญด้านจุดสังเกตกล่าว
เพื่อให้มีชีวิตรอด ผู้ถูกล่าเองก็มักจะปรับตัวเพื่อเอาตัวรอดให้ได้ในธรรมชาติ แต่ก็ขึ้นอยู่กับสัตว์แต่ละชนิดที่จะมีการปรับตัวหรือวิวัฒนาการแตกต่า่งกันไป
อ้างอิง: Earthtouchnews, Biographic