ดาวเทียมที่ใช้งานทั้งหมด “ครึ่งหนึ่ง” มาจากสเปซเอ็กซ์ซึ่งอาจเป็นปัญหา

ดาวเทียมที่โคจรอยู่ในวงโคจรรอบโลกนั้นมีการเพิ่มจำนวนดาวเทียมแบบก้าวกระโดด ซึ่งอาจจะมีปัญหาตามมาในอนาคต

รูปที่ 1. จำลองขยะในอวกาศ (อ้างอิง: Dailymail)

เนื่องจากกลุ่มดาวเทียมอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงค์ (Starlink) ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของสเปซเอ็กซ์ (SpaceX) คิดเป็นครึ่งหนึ่งของดาวเทียมทั้งหมดที่ใช้งานอยู่ในวงโคจรโลก โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 บริษัทการบินและอวกาศได้เปิดตัวดาวเทียมใหม่ 21 ดวง เพื่อเข้าร่วมกับดาวเทียมอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงค์ นั่นทำให้จำนวนดาวเทียมสตาร์ลิงค์ที่ใช้งานอยู่ทั้งหมดมีจำนวนอยู่ที่ 3,660 ดวง หรือประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนดาวเทียมที่ใช้งานอยู่เกือบ 7,300 ดวงในวงโคจร ตามการวิเคราะห์ของนักดาราศาสตร์โจนาธาน แมคโดเวลล์ (Jonathan McDowell) โดยใช้ข้อมูลจากสเปซเอ็กซ์และกองทัพอวกาศสหรัฐฯ (US Space Force)

กลุ่มดาวอินเทอร์เน็ตวงโคจรต่ำขนาดใหญ่เหล่านี้เริ่มในปี ค.ศ. 2019 และเริ่มครอบครองสภาพแวดล้อมในอวกาศในปี ค.ศ. 2023 โจนาธานจากศูนย์ฟิสิกส์ดาราศาสตร์ฮาร์วาร์ดสมิธโซเนียนในเมืองเคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์ กล่าว มันเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมของวงโคจรต่ำ โดยสเปซเอ็กซ์เปิดตัวดาวเทียมสตาร์ลิงค์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2019 โดยมีเป้าหมายเพื่อนำอินเทอร์เน็ตบรอดแบนด์ไปยังพื้นที่ห่างไกลทั่วโลก และเป็นเวลานานแล้วที่นักดาราศาสตร์เตือนว่าดาวเทียมที่สว่างไสวอาจจะทำให้มุมมองของจักรวาลสับสนได้โดยการทิ้งรอยบนภาพจากกล้องโทรทรรศน์ในขณะที่พวกมันเคลื่อนผ่าน

รูปที่ 2. ดาวเทียมอินเทอร์เน็ตสตาร์ลิงค์ที่เติบโตอย่างรวดเร็วของสเปซเอ็กซ์ (อ้างอิง: Dailymail)

แม้แต่กล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิล (Hubble Space Telescope) ซึ่งโคจรอยู่เหนือพื้นผิวโลกมากกว่า 500 กิโลเมตร ก็เสี่ยงต่อแนวดาวเทียมเหล่านี้ โดยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002-2021 เปอร์เซ็นต์ของภาพกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ได้รับผลกระทบจากแสงจากดาวเทียมวงโคจรต่ำเพิ่มขึ้นถึงประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ซานดอร์ ครุค (Sandor Kruk) นักดาราศาสตร์จากสถาบันมักซ์พลังค์ (Max-Planck) สำหรับฟิสิกส์นอกโลกในการ์ชิง ประเทศเยอรมนี และเพื่อนร่วมงานได้รายงานเมื่อวันที่ 2 มีนาคม ค.ศ. 2023 ในดาราศาสตร์ธรรมชาติ (Nature Astronomy) ทีมงานพบว่าจำนวนภาพบางส่วนที่ถูกบล็อกโดยดาวเทียมยังมีจำนวนน้อย โดยเพิ่มขึ้นจากเกือบ 3 เปอร์เซ็นต์ของภาพที่ถ่ายระหว่างปี ค.ศ. 2002-2005 เป็นมากกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ระหว่างปี ค.ศ. 2018-2021 สำหรับกล้องฮับเบิล แต่ปัจจุบันมีดาวเทียมสตาร์ลิงค์เพิ่มขึ้นกว่าพันดวงในปี ค.ศ. 2021

ภาพจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลในปัจจุบันมีผลกระทบเล็กน้อยต่อวิทยาศาสตร์ ซานดอร์และเพื่อนร่วมงานกล่าว อย่างไรก็ตาม จำนวนดาวเทียมและขยะอวกาศจะเพิ่มขึ้นในอนาคตเท่านั้น ทีมงานคาดการณ์ว่าภายในปี ค.ศ. 2030 ความน่าจะเป็นที่ดาวเทียมจะผลต่อการมองเห็นและถ่ายภาพของกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลทุกครั้งที่ถ่ายภาพจะอยู่ระหว่าง 20 ถึง 50 เปอร์เซ็นต์

ซาแมนธา ลอว์เลอร์ (Samantha Lawler) นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยริไจนาในแคนาดากล่าวว่า การเติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างกะทันหันของดาวเทียมสตาร์ลิงก์ยังก่อให้เกิดปัญหาต่อการจราจรในอวกาศ โดยดาวเทียมสตาร์ลิงค์โคจรอยู่ในระยะห่างใกล้เคียงกันจากโลก เพียง 500 กิโลเมตรขึ้นไป สตาร์ลิงค์เป็นจราจรที่หนาแน่นในอวกาศที่สุดเท่าที่เคยมีมา ซาแมนธากล่าว ดาวเทียมกำลังเคลื่อนที่ออกจากกันอย่างต่อเนื่องเพื่อหลีกเลี่ยงการชนกันและซึ่งอยู่ในระดับความสูงวงโคจรที่เป็นที่นิยม ซึ่งกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลอยู่ที่นั่น สถานีอวกาศนานาชาติ (International Space Station) และสถานีอวกาศของจีน (Chinese space station) ก็เช่นกัน

รูปที่ 3. ภาพกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลที่ได้รับผลกระทบจากแสงจากดาวเทียมวงโคจรต่ำ (อ้างอิง: Sciencenews)

หากมีการปะทะและชนกันระหว่างสตาร์ลิงค์ที่เกิดอุบัติเหตุบางอย่าง มันอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตมนุษย์ในทันที ซาแมนธา กล่าว สเปซเอ็กซ์เปิดตัวดาวเทียมสตาร์ลิงค์ประมาณสัปดาห์ละครั้ง โดยปล่อยเพิ่มอีก 51 ดวง ในวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 2023 และไม่ใช่บริษัทเดียวที่เปิดตัวกลุ่มดาวเทียมอินเทอร์เน็ต ภายในปี ค.ศ. 2030 อาจจะมีดาวเทียมมากกว่า 100,000 ดวงโคจรรอบโลกในระดับต่ำ

จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีข้อบังคับระหว่างประเทศที่จะจำกัดจำนวนดาวเทียมที่บริษัทเอกชนสามารถปล่อยได้หรือจำกัดวงโคจรที่พวกเขาสามารถครอบครองได้ โดยความเร็วของการพัฒนาเชิงพาณิชย์นั้นเร็วกว่าความเร็วของการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบมาก ซาแมนธากล่าว จำเป็นต้องมีการจัดการจราจรในอวกาศและการควบคุมอวกาศโดยทั่วไปเพื่อรับมือกับโครงการเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่เหล่านี้ต่อไป

อ้างอิง: Sciencenews

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *