รู้จักกับทะเลสาบฮิลเลียร์ที่มี “น้ำเค็ม”(ชมพู) ที่มีไม่กี่แห่งบนโลก

แหล่งน้ำตามธรรมชาติส่วนใหญ่ไม่ว่าจะเป็น แม่น้ำ ลำคลอง ทะเล ทะเลสาบ มักจะมีโทนสีเป็นสีน้ำเงิน สีฟ้าหรือฟ้าอมเขียว แต่นี่คือทะเลสาบที่มีสีชมพูซึ่งเกิดเองตามธรรมชาติ ที่พบได้ไม่กี่แห่งบนโลก

ทะเลสาบฮิลเลียร์ (Pink Lake Hillier) เป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่อยู่บนเกาะเล็กๆในทางทิศตะวันตกของประเทศออสเตรเลีย ทะเลสาบมีขนาดค่อนข้างเล็ก มีความยาวประมาณ 600 เมตร และความกว้างไม่เกิน 250 เมตร ล้อมรอบด้วยต้นยูคาลิปตัส นี่คือภาพที่น่าเหลือเชื่อที่น้ำของทะเลสาบสีชมพูตัดกับสีน้ำเงินเข้มของมหาสมุทร

นักวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้ว่า ทำไมน้ำในทะเลสาบจึงมีสีชมพูเช่นนี้ นักวิทยาศาสตร์บางคนเชื่อว่าสีของทะเลสาบนั้นเกิดมาจากการมีสาหร่ายดูนาลิเอลลา (Dunaliella salina) ที่สามารถเจริญเติบโตได้ดีในน้ำเค็ม ซึ่งสาหร่ายดูนาลิเอลลานั้นสามารถผลิตแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นเม็ดสีที่พบเหมือนกันกับในแครอทและเมื่อน้ำในทะเลสาบมีความเค็มสูง อุณหภูมิและแสงแดดจัด จะทำให้สาหร่ายเหล่านี้ปล่อยเม็ดสีที่สร้างสีอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับทะเลสาบแห่งนี้

อีกคำอธิบายหนึ่งคือ แบคทีเรียฮาโลฟิลิก (Halophilic Bacteria) ที่พบในเกลือ ที่เกิดจากปฏิกิริยาระหว่างเกลือกับโซเดียมไบคาร์บอเนต เชื่อกันว่าการพบจุลินทรีย์บางชนิดและแบคทีเรียที่อยู่ในเกลือก็อาจจะเป็นสาเหตุของสีชมพูได้เช่นกัน

ทะเลสาบแห่งนี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี ค.ศ. 1802 โดยแมทธิว ฟลินเดอร์ส (Matthew Flinders) นักสำรวจเดินเรือและทำแผนที่ ซึ่งมีอยู่ในบันทึกส่วนตัวที่เกี่ยวกับทะเลสาบแห่งนี้

ทะเลสาบฮิลเลียร์เมื่อมองจากพื้นดินจะเห็นสีชมพูน้อยกว่าเมื่อมองมาจากด้านบน อย่างไรก็ตาม ทะเลสาบแห่งนี้จะแตกต่างกับทะเลสาบสีชมพูอื่นๆ ทั่วโลก โดยน้ำในทะเลสาบยังคงเป็นสีชมพูอย่างเด่นชัด แม้ว่าจะตักมาอยู่ในแก้วก็ตาม

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 พวกเขาเคยทำการผลิตเกลือ แต่ในปัจจุบันนั้นทะเลสาบแห่งนี้ถูกใช้เพื่อการท่องเที่ยวเท่านั้น น้ำในทะเลสาบไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังของมนุษย์และสาหร่ายดูนาลิเอลลาซาลินาก็ไม่เป็นอันตรายเช่นกัน แต่สำหรับนักท่องเที่ยวทั่วไปนั้นไม่ได้รับอนุญาตให้สามารถลงไปในทะเลสาบแห่งนี้ได้ และทะเลสาบฮิลเลียร์ไม่ใช่ทะเลสาบสีชมพูเพียงแห่งเดียวในโลก แต่ยังมีทะเลสาบสีชมพูอื่นๆอีกหลายแห่ง

ลากูน่า โคโลราโด (Laguna Colorada) ในประเทศโบลิเวีย (Bolivia) ที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาแอนดีส มีขนาด 59.57 ตารางกิโลเมตร ลึกสูงสุดเกือบ 150 เซนติเมตร ส่วนบริเวณน้ำตื้นเป็นที่อยู่ของนกฟลามิงโก

ฮัท ลากูน (Hutt Lagoon) ในประเทศออสเตรเลีย มีขนาด 69.93 ตารางกิโลเมตร ทะเลสาบแห่งนี้ตั้งอยู่ในหมู่บ้านชาวประมงของพอร์ตเกรกอรี (Port Gregory) แม้ว่าจะเป็นสีชมพูส่วนใหญ่ แต่สีของมันจะเปลี่ยนเป็นเฉดสีแดงและสีม่วงขึ้นอยู่กับช่วงวันเวลา ฤดูกาล และสภาพอากาศ ส่วนช่วงที่สวยที่สุดจะเป็นช่วงเช้าตรู่และตอนพระอาทิตย์ตก

ลาส ซาลินาส เด ตอร์เรเวียคา (Las Salinas de Torrevieja) ในประเทศสเปน มีพื้นที่ประมาณ 14 ตารางกิโลเมตร  และยังเป็นที่อยู่ของนกฟลามิงโกและนกน้ำอีกหลายพันตัว

ทะเลสาบเรตบา (Lake Retba) ในประเทศเซเนกัล (Senegal) ด้วยความเค็มคล้ายกับทะเลเดดซี มีพื้นที่ประมาณ 2.58 ตารางกิโลเมตร ไม่เพียงแต่สวยงามเท่านั้น แต่ยังใช้เป็นที่ผลิตเกลืออีกด้วย สีชมพูของที่นี่จะสดใสที่สุดในช่วงฤดูแล้งระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมิถุนายน ในช่วงเวลานี้ ทะเลสาบเรตบามีความเค็มมากกว่าทะเลเดดซี

ศิวัชลากูน (Sivash Salt Lagoons) ในประเทศรัสเซีย (Russia) ตั้งอยู่ในคาบสมุทรไครเมียระหว่างทะเลดำและทะเลอาซอฟ เป็นทะเลสาบน้ำเค็ม ที่มีเกลือมากถึง 220 ล้านตัน และทะเลสาบแห่งนี้ยังคงเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจของคาบสมุทรไครเมียเนื่องจากมีการผลิตและซื้อขายเกลือในระดับสากล

ทะเลสาบ นาตรอน (Lake Natron) ในประเทศแทนซาเนีย (Tanzania) ที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือและมีพรมแดนติดกับเคนยา ทะเลสาบแห่งนี้อยู่ใต้ภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่น แม้ว่าอุณหภูมิจะร้อนสูงถึง 60 องศาเซลเซียส ทะเลสาบสีชมพูแห่งนี้ก็ยังคงงดงาม อีกทั้งยังเป็นที่อยู่ของนกฟลามิงโกหลายล้านตัว แต่เนื่องจากในน้ำมีอัลคาไลน์ (Alkaline) ที่มีค่า pH สูงถึง 10.5 ทำให้มีฤทธิ์กัดกร่อนค่อนข้างมากที่สามารถเผาไหม้ผิวหนังและดวงตาของสัตว์ต่างๆที่ไม่สามารถปรับตัวได้

อย่างไรก็ตาม ทะเลสาบสีชมพูนั้นก็ไม่ได้มีจำนวนมากมายเมื่อเทียบกับทะเลสาบปกติและก็ยังคงเป็นสิ่งที่น่าเหลือเชื่อกับความสวยงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น

อ้างอิง: Hillierlake, Mybestplace, Rd

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *