นี่คือ “วาฬ”(นาร์วาล) ที่ถูกเรียกว่ายูนิคอร์นแห่งท้องทะเล

ในสมัยโบราณมักมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับสัตว์ในตำนานอย่างยูนิคอร์น (Unicorn) สัตว์ที่เป็นม้าที่มีเขาเกลียวบนหัวและมีพลังอำนาจ โดยเขาของมันสามารถรักษาโรคภัยได้ทุกชนิด แต่นี่เป็นสัตว์ที่เหมือนมีเขาเกลียวลักษณะเดียวกันกับยูนิคอร์น

รูปที่ 1. นาร์วาล (อ้างอิง: Factanimal)

นี่คือนาร์วาล (Narwhal) เป็นวาฬขนาดกลางที่มีงาเกลียว (Spiral Tusk) อยู่บริเวณหัว ซึ่งถูกเรียกว่า ยูนิคอร์นแห่งท้องทะเล (Unicorn of the Sea) ที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทรอาร์กติกและมหาสมุทรแอตแลนติกรอบๆเกาะกรีนแลนด์ แคนาดา นอร์เวย์ และรัสเซีย

นาร์วาลเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลือดอุ่น ที่หายใจด้วยอากาศ และเป็นญาติห่างๆในตระกลูวาฬเบลูกาสีขาว งาเกลียวของนาร์วาลจริงๆแล้วคือ ฟันที่หมุนวนออกจากด้านซ้ายบนของฟันกรามและผ่านริมฝีปาก โดยฟันของพวกมันนี้สามารถยาวได้ถึง 3 เมตร และหนักได้ถึง 10 กิโลกรัม โดยปกติแล้วนาร์วาลมีความยาวลำตัวเฉลี่ยระหว่าง 4 ถึง 5.5 เมตร ไม่รวมงาเกลียว โดยงาเกลียวจะมีเฉพาะในตัวผู้เท่านั้นที่ฟันหน้าด้านซ้ายจะงอกเป็นงาเกลียว ซึ่งพวกมันจะไม่ค่อยมีงาเกลียว 2 ข้าง เหมือนกับช้าง โดยประมาณ 1 ใน 500 ตัวถึงจะมีงา 2 ข้าง ซึ่งตัวผู้จะหนักประมาณ 800 ถึง 1,600 กิโลกรัม

โดยงาเกลียวของพวกมันส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการผสมพันธุ์ในลักษณะเดียวกับเขากวาง ตัวผู้จะใช้งาเกลียวเพื่อกำหนดสถานะทางสังคม เพื่อมีอำนาจเหนือกว่าตัวผู้ตัวอื่น และการแข่งขันเพื่อผสมพันธุ์กับตัวเมีย โดยงาเกลียวนั้นสามารถใช้ในการล่าปลาเป็นอาหาร พวกมันจะดูดเหยื่อเข้าปากแล้วกลืนลงไปทั้งตัว ปากของนาร์วาลแทบไม่มีฟัน ซึ่งหมายความว่าพวกมันจะว่ายเข้าหาเหยื่อและดูดพวกมันเข้าปากด้วยแรงมหาศาล โดยงาเกลียวของพวกมันมีความสามารถทางประสาทสัมผัส เนื่องจากปลายประสาททำให้มันสามารถตรวจจับการเปลี่ยนแปลงความเค็มของน้ำได้ จากการศึกษาในปี ค.ศ. 2014 ชี้ให้เห็นว่านาร์วาลสามารถใช้งาของมันเพื่อรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงรอบตัวในน้ำ เช่น ความเค็ม อุณหภูมิ และความดัน

รูปที่ 2. บริเวณที่อยู่และขนาดของนาร์วาล (อ้างอิง: Factanimal, Britannica)

นาร์วาลตัวเมียจะออกลูกทุกๆ 3 ปี การตั้งท้องนานประมาณ 14 เดือน และเลี้ยงลูกด้วยนมเป็นเวลาประมาณ 20 เดือน โดยนาร์วาลเป็นหนึ่งในสัตว์ที่ดำน้ำลึกที่สุดในโลก พวกมันสามารถดำน้ำได้ลึกถึง 1.8 กิโลเมตร โดยไม่ต้องกลับขึ้นสู่ผิวน้ำเป็นเวลานานกว่า 25 นาที ในช่วงฤดูหนาว มีการพบเห็นนาร์วาฬตัวผู้ดำน้ำลึกที่สุดเท่าที่เคยมีการบันทึกมา โดยดำน้ำเป็นประจำอย่างน้อย 800 เมตร ระหว่าง 10-25 ครั้งต่อวัน การดำน้ำเหล่านี้เป็นแนวดิ่งเพื่อเพิ่มความเร็วสูงสุด แรงดันที่ความลึกมากกว่า 800 เมตร นั้นสามารถเกิน 2200 PSI (150 บรรยากาศ) ทำให้พวกมันมีการพัฒนาให้ทนต่อแรงดันน้ำได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกมันมีซี่โครงที่สามารถบีบตัวได้โดยไม่ทำร้ายพวกมันเมื่อว่ายน้ำในระดับความลึกมาก พวกมันยังมีไมโอโกลบินที่จับกับออกซิเจนในกล้ามเนื้อซึ่งมีความเข้มข้นเป็นสองเท่าเหมือนแมวน้ำ ซึ่งทำให้พวกมันว่ายน้ำด้วยความเร็ว 1 เมตรต่อวินาทีใต้น้ำเป็นเวลา 20 นาทีโดยไม่ต้องหายใจ

นาร์วาลอาศัยอยู่ในรอยแตกของก้อนน้ำแข็งหนาทึบเกือบตลอดทั้งปีในแถบอาร์กติกของกรีนแลนด์และแคนาดา เช่นเดียวกับวาฬส่วนใหญ่ นาร์วาลมีรูปแบบการอพยพที่คาดเดาได้ อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่เหมือนวาฬบางสายพันธุ์ตรงที่พวกมันไม่เคยออกจากน่านน้ำอาร์กติกเลย พวกมันอพยพทุกปีจากพื้นที่สูงในฤดูร้อนของอาร์กติกในอ่าวชายฝั่งตะวันตกของกรีนแลนด์และแคนาดา ไปยังพื้นที่หลบหนาวนอกชายฝั่งในเขตน้ำลึก เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกน้ำแข็งขังอย่างรวดเร็ว และอยู่ใกล้กับแหล่งอาหารที่หาง่าย

นาร์วาลจะกินปลาตัวแบนและปลาฮาลิบัตในช่วงฤดูหนาว ซึ่งสามารถพบได้ที่ก้นทะเลในอ่าวแบฟฟินและช่องแคบเดวิส ในช่วงฤดูร้อน พวกมันกินปลาคอดและจะกินหมึก กุ้งด้วยถ้าเป็นไปได้ พวกมันถูกจัดให้สถานภาพการอนุรักษ์ที่น่ากังวลน้อยที่สุดโดยองค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) โดยจำนวนประชากรทั้งหมดของนาร์วาลนั้นมีมากกว่า 170,000 ตัว

การล่านาร์วาลในแคนาดาและกรีนแลนด์นั้นถูกกฎหมาย โดยนักล่าชาวเอสกิโมของแคนาดาและนักล่ากรีนแลนด์ เพื่อช่วยสานต่อประเพณี พวกมันถูกล่ามาเป็นเวลาหลายพันปีโดยชาวพื้นเมืองที่ต้องพึ่งพาพวกมันเพื่อเป็นอาหารและเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2004 มีโควต้าการล่าวาฬนาร์วาล โดยเฉลี่ยทั่วโลกสามารถจับนาร์วาลได้ 979 ตัวต่อปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007-2011 แต่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามหลักต่อนาร์วาลการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของสภาพอากาศและการขยายตัวของน้ำแข็งตามฤดูกาลทำให้เกิดน้ำแข็งกักขังมากขึ้น ในขณะที่การกระจายตัวของเหยื่อหลักอย่างปลาฮาลิบัตจะมีความหนาแน่นน้อยกว่ามากในน้ำอุ่น ด้วยน้ำแข็งที่น้อยลง นาร์วาลอาจจะเสี่ยงต่อผู้ล่า เช่น วาฬเพชฌฆาต

อ้างอิง: Factanimal

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *