นี่คือปรากฏการณ์ “เสา”(แสง) ที่ผู้คนมักคิดว่าเป็นแสงจาก UFO

เมื่อแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าในยามค่ำคืนที่มืดลงและอุณหภูมิเข้าใกล้จุดเยือกแข็ง หากคุณโชคดีและมองออกไปข้างนอก คุณอาจจะเห็นลำแสงลึกลับพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า ปรากฏการณ์แสงที่มีสีสันสวยงามเหล่านี้อาจจะดูเหนือธรรมชาติ แต่ก็เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางแสงในชั้นบรรยากาศ

รูปที่ 1. ปรากฏการณ์เสาแสงเหนือเมืองไพน์เดล รัฐไวโอมิง สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 2017 (อ้างอิง: Weather, Canva)

นี่คือปรากฏการณ์เสาแสง (Light Pillars) เป็นปรากฏการณ์ทางแสงที่เกิดขึ้นในชั้นบรรยากาศที่เย็นจัด เมื่อผลึกแผ่นน้ำแข็งบางๆก่อตัวขึ้นใกล้บริเวณใกล้พื้นดิน พวกมันสะท้อนแสงธรรมชาติและทำให้เกิดเสาแสงที่ทอดยาวไปทั่วท้องฟ้า ธรรมชาติและแหล่งความงามลึกลับเหล่านี้ ทำให้เรารู้สึกประหลาดใจไม่น้อย แต่ยังมีอีกมากมายให้เรียนรู้เกี่ยวกับภาพที่สวยงามแปลกตาเหล่านี้

เสาแสงเกิดขึ้นได้อย่างไร จากปรากฏการณ์ทางแสงอันน่าทึ่งนี้สามารถมองเห็นได้เฉพาะในอุณหภูมิที่เย็นจัดเท่านั้น เมื่อผลึกน้ำแข็งก่อตัวขึ้นในชั้นบรรยากาศ แผ่นผลึกน้ำแข็งเหล่านี้ที่มีรูปร่างเป็นรูปหกเหลี่ยมขณะที่มันลอยผ่านชั้นบรรยากาศ พื้นผิวโดยรวมของพวกมันทำหน้าที่เหมือนกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนแสงที่ตกกระทบพวกมัน แสงที่สะท้อนจะขยายเป็นระยะทางหนึ่งทั้งด้านบนและด้านล่างของแหล่งกำเนิดแสง ผลึกน้ำแข็งที่หนาแน่นและใหญ่ขึ้น เอฟเฟกต์นี้ยิ่งเด่นชัดมากขึ้นเท่านั้น

แหล่งกำเนิดแสงที่เกี่ยวข้องอาจจะเป็นไฟถนนและแหล่งกำเนิดแสงอื่นๆ หรือแม้กระทั่งแสงจากดวงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ มุมของพื้นผิวผลึกน้ำแข็งจะเบี่ยงเบนไปสองสามองศาจากการวางแนวในแนวนอน ซึ่งทำให้เกิดเสาแสง เนื่องจากมันทำให้การสะท้อนของแสงยาวขึ้น ดังนั้น ปรากฏการณ์เหล่านี้จึงมักปรากฏเป็นลำแสงแก่ผู้สังเกต

ในการสร้างเสาแสงนั้นชั้นบรรยากาศจะต้องเย็นและสงบไม่มีลม แม้ว่าลมจะไม่ได้เชื่อมโยงโดยตรงกับปรากฏการณ์นี้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะรบกวนการสะท้อนของแสง

รูปที่ 2. อธิบายปรากฏการณ์เสาแสง (อ้างอิง: Scienceabc)

เสาแสงนั้นไม่ได้ตั้งอยู่เหนือหรือใต้แหล่งกำเนิดแสง นอกจากนี้ อย่าถือว่าเสาแสงเหล่านี้มีคุณสมบัติเหมือนลำแสงเพียงเพราะมันดูคล้ายกัน โดยลำแสงนั้นเป็นการฉายทิศทางของพลังงานแสงจากแหล่งกำเนิดที่แผ่ออกมา เช่น ตะเกียง คบเพลิง ในขณะที่เสาแสงเป็นเพียงภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยผลึกน้ำแข็งที่สะท้อนแสง ผลึกน้ำแข็งทั้งหมดที่มีอยู่ในชั้นบรรยากาศจะสะท้อนแสงจากแหล่งกำเนิด แต่เฉพาะผลึกที่วางเรียงกันในระนาบแนวตั้งเท่านั้นที่จะส่งแสงไปยังผู้สังเกต นอกจากนี้ เราอาจจะคิดว่าสิ่งเหล่านี้คือแสงที่เดินทางสู่อวกาศ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นตรงกันข้าม เสาแสงที่เดินทางสู่อวกาศจากไฟถนนจะถูกผลึกน้ำแข็งสะท้อนกลับ

เอฟเฟ็กต์นี้คล้ายกับการสะท้อนของแสงในแหล่งน้ำ พระอาทิตย์ตกหรือพระอาทิตย์ขึ้นมักจะสร้างแสงระยิบระยับไปทั่วผืนน้ำ เช่น ทะเลสาบ แม่น้ำ ทะเล โดยทั่วไปเรียกว่ารูปแบบแวววาวหรือแบบกลิตเตอร์ (Glitter Patterns) เป็นเพราะแสงจากดวงอาทิตย์สะท้อนไปยังจุดต่างๆบนผิวน้ำ การสะท้อนเหล่านี้สามารถพบกันที่จุดร่วมของผู้สังเกตและปรากฏเป็นลำแสงเหนือผิวน้ำ

เสาแสงมักเกิดขึ้นในบริเวณอาร์กติก เนื่องจากจะต้องมีอุณหภูมิที่เย็นจัดที่จำเป็นสำหรับปรากฏการณ์เสาแสงดังกล่าว และพบได้บ่อยในฤดูหนาวและฤดูใบไม้ร่วง อย่างไรก็ตาม พวกมันยังถูกพบในอิหร่านบริเวณทะเลทรายที่จะอากาศเย็นจัดในตอนกลางคืน ในบางโอกาสอาจเห็นเสาไฟขนาดเล็กยื่นออกมาจากดาวเคราะห์สว่างเช่นดาวศุกร์ด้วยซ้ำ

และปรากฏการณ์เสาแสงยังถูกพบในบริเวณอื่นๆของโลกและในสีต่างๆกัน ขึ้นอยู่กับแหล่งกำเนิดแสง ซึ่งเสาแสงสามารถเป็นมีสีพื้นฐานเมื่อสะท้อนจากไฟถนน แต่ก็อาจสดใสอย่างโดดเด่นเมื่อสะท้อนสีที่สว่างกว่า โดยทั่วไปจะดูนุ่มนวลและอ่อนโยนเมื่อใช้แหล่งกำเนิดแสงโดยรอบ แต่ไม่ว่าในกรณีใด เสาแสงก็เป็นสิ่งดึงดูดสายตาสำหรับผู้สังเกตการณ์ทุกคนเสมอ

รูปที่ 3. ปรากฏการณ์เสาแสงเหนือเมืองมูร์มันสค์ (Murmansk Oblast) รัสเซีย (อ้างอิง: Thepointsguy)

ปรากฏการณ์เสาแสง ปรากฏการณ์ซันด็อก (Sun Dog) ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้กลุ่มที่เรียกว่า การกระจายรัศมี (Halos) เกิดขึ้นจากปัจจัยเดียวกัน ได้แก่ ผลึกน้ำแข็งและแสง แต่ต่างกันตรงที่หักเหหรือสะท้อนแสง บ่อยครั้งที่รูปลักษณ์ของพวกมันจะหายวับไป เนื่องจากพวกมันต้องใช้เพียงผลึกน้ำแข็งที่เหมาะสมที่ตกลงมาจากขอบฟ้า นอกจากนี้ เมฆจะต้องเบาบาง เพื่อให้แสงเข้าตาเรามากพอที่จะเห็นความมหัศจรรย์ เมฆเซอร์โรสเตรตัส (Cirrostratus Clouds) ระดับสูง ที่เป็นเมฆสีขาวโปร่งแสงมีลักษณะเหมือนม่านที่เป็นเส้นๆที่ช่วยเสริมปรากฏการณ์นี้

ผู้คนมักคิดว่าปรากฏการณ์นี้เป็นยูเอฟโอ (UFO) เนื่องจากเป็นเรื่องธรรมดาที่จะกลัวลำแสงที่ไม่คาดคิด ไม่น่าแปลกใจที่บางคนคิดว่าพวกมันเป็นแสงไฟจากยานของมนุษย์ต่างดาว มีรายงานการพบเห็นยูเอฟโอที่ผิดพลาดเช่นนี้หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งใกล้กับน้ำตกไนแอการา เพราะหมอกรอบๆน้ำตกมักจะทำให้เกิดผลึกน้ำแข็งใกล้กับพื้นดิน ผลึกน้ำแข็งเหล่านี้สะท้อนแสงไฟของเมือง ทำให้เกิดเสาแสงที่โดดเด่นซึ่งสะกดสายตาผู้สังเกตการณ์เป็นระยะทางหลายกิโลเมตร

อย่างไรก็ตาม เสาแสงเหล่านี้ไม่ใช่หลักฐานของมนุษย์ต่างดาว แต่เป็นเพียงเครื่องเตือนใจว่าธรรมชาติมีวิธีการที่ไม่เหมือนใครที่ทำให้เราตกตะลึงกับความงามที่น่าทึ่งในเวลาที่เราคาดไม่ถึง

อ้างอิง: Scienceabc

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *