นี่คือก้อนหิน “คูมาคิวี”(สมดุล) ที่ทรงตัวอยู่ได้นานมากกว่า 12,000 ปี

ในธรรมชาตินั้นมีสิ่งแปลกที่ทำให้เราประหลาดใจมากมาย ทำให้เราสงสัยว่าสิ่งนั้นมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นได้

รูปที่ 1. ก้อนหินสมดุลคูมาคิวี (Kummakivi Balancing Rock) (อ้างอิง: Beyondsciencetv)

นี่คือก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนก้อนหินอีกก้อนได้อย่างสมดุลโดยไม่ล้มหรือกลิ้งไปทางไหนที่มีชื่อว่า ก้อนหินสมดุลคูมาคิวี (Kummakivi Balancing Rock) ที่แปลว่า หินแปลกในภาษาฟินแลนด์ ที่ตั้งอยู่ในรัวโคลาติ (Ruokolahti) ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศฟินแลนด์ที่มีซากดึกดำบรรพ์มากมายจากยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้าย แม้ว่าหินด้านบนจะดูเหมือนสามารถกลิ้งออกไปในช่วงเวลาใดก็ได้ แต่สิ่งนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้น นอกจากนี้ หากมนุษย์ใช้กำลังผลักก้อนหิน มันก็จะไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย

ก้อนหินสมดุลคูมาคิวีนั้นก่อตัวขึ้นทางธรณีวิทยาที่ผิดปกติ โขดหินด้านล่างมีลักษณะเป็นเนินโค้ง ที่อยู่ในดินและมีผิวนูนเรียบ โดยที่หินอีกก้อนเป็นหินขนาดใหญ่ที่มีความยาวประมาณ 7 เมตร ซึ่งจุดสัมผัสระหว่างหินทั้งสองก้อนนี้ค่อนข้างเล็กและดูเหมือนว่าก้อนหินด้านบนจะทำท่าสมดุลในแบบที่เป็นไปไม่ได้ ใครก็ตามที่มองดูก้อนหินสมดุลคูมาคิวีนี้เป็นครั้งแรกอาจจะคิดว่าก้อนหินด้านบนจะกลิ้งออกไปเมื่อใดก็ได้ ทว่าก้อนหินด้านบนยังถูกยึดไว้อย่างแน่นหนากับพื้นหินด้านล่างและยังไม่ได้ถูกผลักหรือขยับเลย

ชาวเมืองโบราณในบริเวณนี้คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะต้องงุนงงกับภาพสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นนี้ ซึ่งพยายามหาคำอธิบายว่าหินที่ทรงตัวนี้มาอยู่ในตำแหน่งที่ยุ่งเหยิงนี้ได้อย่างไร และเป็นไปได้ว่าคนกลุ่มนี้พยายามจะเคลื่อนย้ายก้อนหินสมดุลคูมาคิวีนี้ด้วยมือของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตาม เมื่อตระหนักได้ว่าแรงของมนุษย์ที่ใช้กับก้อนหินนั้นไม่สามารถเคลื่อนย้ายก้อนหินได้ พวกเขาจึงสันนิษฐานว่าเป็นพลังเหนือธรรมชาติที่เคลื่อนย้ายมันมาวางที่จุดนี้

รูปที่ 2. ตำนานโทรลล์และยักษ์ของฟินแลนด์และฐานบริเวณก้อนหินสมดุลคูมาคิวี (อ้างอิง: Beyondsciencetv, Atlasobscura)

ตามตำนานของฟินแลนด์ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตเหนือธรรมชาติ เช่น โทรลล์และยักษ์ เชื่อกันว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวมีความแข็งแกร่งทางร่างกายมากกว่ามนุษย์ทั่วไป ซึ่งบอกว่าสิ่งมีชีวิตดังกล่าวมีนิสัยชอบขว้างก้อนหินไปรอบๆ สร้างแครนส์ (Cairns) และแกะสลักรูแปลกๆต่างๆในโขดหิน ซึ่งเชื่อกันว่ายักษ์เหล่านี้ใช้ในการปั่นนมและอาจจะเคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านี้

อย่างไรก็ตาม นักธรณีวิทยาได้ให้คําอธิบายอีกแบบหนึ่งเกี่ยวกับการก่อตัวของก้อนหินสมดุลคูมาคิวี โดยสันนิษฐานว่าก้อนหินขนาดมหึมานี้มาจากธารน้ำแข็งในยุคน้ำแข็งครั้งสุดท้ายที่เกิดขึ้นเมื่อราว 12,000 ปีก่อน ซึ่งเมื่อธารน้ำแข็งเริ่มละลายถอยจากบริเวณนี้ไปทางตอนเหนือ ทำให้ก้อนหินนี้ถูกทิ้งไว้ จึงกลายเป็นก้อนหินสมดุลคูมาคิวี

นอกเหนือจากการให้เรื่องราวที่น่าสนใจแก่ผู้คนแล้ว ก้อนหินที่สมดุลนี้ยังถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางวิทยาศาสตร์อีกด้วย ตัวอย่างเช่น ในสหรัฐอเมริกา นักวิจัยได้ใช้หินที่ทรงตัวเป็นเครื่องวัดคลื่นสั่นไหวสะเทือนแบบธรรมชาติ แม้ว่าหินดังกล่าวจะไม่ได้บ่งบอกว่าจะเกิดแผ่นดินไหวขึ้นเมื่อใด แต่กลับเป็นเครื่องบ่งชี้ว่าภูมิภาคหรือบริเวณนี้ไม่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่รุนแรงพอที่จะโค่นล้มให้เสียสมดุลได้

สรุปได้ว่าก้อนหินสมดุลคูมาคิวีเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ในขณะที่ผู้คนในสมัยโบราณถือว่าการก่อตัวของมันมาจากยักษ์ใหญ่ในตำนาน แต่ปัจจุบันมีคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์มากกว่านี้ ซึ่งความสำคัญของคุณลักษณะนี้ได้รับการยอมรับและได้รับการคุ้มครองในปี ค.ศ. 1962 โดยข้อมูลเกี่ยวกับปริมาณแรงที่จำเป็นในการเคลื่อนย้ายก้อนหินเหล่านี้สามารถให้รายละเอียดเกี่ยวกับขนาดของแผ่นดินไหวครั้งก่อนๆ การเกิดซ้ำและช่วงเวลาของแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ในพื้นที่ ซึ่งจะมีความสำคัญต่อการวิเคราะห์อันตรายจากแผ่นดินไหวที่น่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

อ้างอิง: Beyondsciencetv

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *