พวกมือบอน “ขีดเขียน”(ทำลาย) ศิลปะถ้ำของชนพื้นเมืองอายุ 30,000 ปี

ในบางครั้งศิลปะก็มีการสื่อถึงการมีอยู่และอารยธรรมในช่วงเวลานั้นๆ ซึ่งมีอยู่หลายครั้งที่เรามักจะเห็นภาพวาดจากมนุษย์ยุคโบราณที่อาจจะอาศัยอยู่ในถ้ำ ทำให้เราได้ศึกษาสิ่งเหล่านี้ แต่ก็มีบางครั้งที่สิ่งเหล่านั้นก็ถูกทำลายทั้งที่แบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ

รูปที่ 1. ภาพวาดศิลปะภายในถ้ำคูนาร์ดา (อ้างอิง: Allthatsinteresting)

นี่คือถ้ำคูนาร์ดา (Koonalda Cave) เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับการคุ้มครองสำหรับชาวเมิร์นนิง (Mirning) ของออสเตรเลีย พื้นที่ทะเลทรายที่แทบจะไม่มีต้นไม้บนที่ราบนัลลาร์บอร์ (Nullarbor Plain) ทางตอนใต้ของออสเตรเลียเต็มไปด้วยงานศิลปะโบราณที่สำคัญที่สุดของประเทศ ด้วยงานที่มีชุดภาพวาดศิลปะภายในถ้ำที่วาดโดยมนุษย์ยุคน้ำแข็ง ซึ่งมีอายุเกือบ 30,000 ปี บ่งบอกถึงสัญญาณแรกเริ่มของชีวิตชาวอะบอริจินในบริเวณนี้ ที่ถูกพวกมือบอนทำลายโดยการขีดเขียนผนังภายในถ้ำที่ถูกขีดเขียนทำลายโดยเขียนว่า “Don’t look now, but this is a death cave” ที่แปลว่า อย่ามองตอนนี้ แต่นี่คือถ้ำมรณะ

เคอริน วอลช์ (Keryn Walshe) นักโบราณคดีที่เชี่ยวชาญด้านโบราณสถานของชาวอะบอริจินให้สัมภาษณ์ว่า พื้นผิวของถ้ำนุ่มมาก เป็นไปไม่ได้ที่จะลบกราฟฟิตีโดยไม่ทำลายศิลปะที่อยู่ข้างใต้ จากข้อมูลของเคอริน งานศิลปะนี้มีความสำคัญมากสำหรับชาวเมิร์นนิงและมีเอกลักษณ์เฉพาะในออสเตรเลีย ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกแห่งชาติในปี ค.ศ. 2014 ด้วยเหตุนี้ ในการเข้าถึงถ้ำ คนร้ายจำเป็นต้องขุดใต้ประตูเหล็กที่ติดตั้งไว้เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1980 เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น น่าเสียดายที่รั้วนั้นไม่เพียงพอที่จะป้องกัน ซึ่งสร้างความหงุดหงิดใจให้กับผู้เชี่ยวชาญและชาวเมิร์นนิงเป็นอย่างมาก

รูปที่ 2.  ภายในถ้ำคูนาร์ดาที่ถูกขีดเขียนทำลายโดยเขียนว่า “Don’t look now, but this is a death cave” (อ้างอิง: Allthatsinteresting)

ในการแถลงของโฆษกของรัฐบาลรัฐเซาท์ออสเตรเลียกล่าวถึงการก่อกวนครั้งนี้ว่า น่าตกใจและสะเทือนใจ พร้อมเสริมว่า ถ้ำคูนาร์ดามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อชาวเมิร์นนิง และประวัติศาสตร์นับหมื่นปีของถ้ำนี้แสดงให้เห็นบางส่วนของหลักฐานที่เก่าแก่ที่สุดของการยึดครองของชาวอะบอริจินในส่วนนั้นของประเทศ

หากสามารถจับกุมผู้ก่อกวนเหล่านี้ได้ พวกเขาควรถูกลงโทษและบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ พวกเขากล่าวเสริม มีรายงานว่ารัฐบาลของรัฐเซาท์ออสเตรเลียได้ทำงานร่วมกับเจ้าของดั้งเดิมในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เพื่อพัฒนาแผนที่ครอบคลุม เพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้ รวมถึงการติดตั้งกล้องรักษาความปลอดภัย สร้างรั้วให้ไม่สามารถบุกรุกได้ โฆษกกล่าว การตรวจสอบสถานที่แบบผ่านกล้องวงจรปิดน่าจะช่วยให้ปกป้องถ้ำได้ดีขึ้น

แต่บันนา ลอว์รี่ (Bunna Lawrie) ผู้อาวุโสของชาวเมิร์นนิงแย้งกับคำกล่าวนั้น โดยกล่าวว่าเขาไม่รู้เรื่องของการทำลายจนกระทั่งมีการรายงานโดยสื่อท้องถิ่น แม้ว่าเหตุการณ์นี้จะได้รับความสนใจในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2022 โดยแคลร์ บัสเวลล์ (Clare Buswell) ประธานของการอนุรักษ์ของสมาพันธ์ถ้ำวิทยาของออสเตรเลีย (Australian Speleological Federation’s Conservation)

รูปที่ 3. ภายในถ้ำคูนาร์ดาและภาพวาด (อ้างอิง: Researchgate, Allthatsinteresting)

ความล้มเหลวในการสร้างประตูที่มีประสิทธิภาพ หรือการใช้บริการรักษาความปลอดภัยสมัยใหม่ เช่น กล้องเฝ้าติดตามสัตว์ป่าที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงทุกวัน ทำให้การก่อกวนนี้เกิดขึ้นได้ในหลายๆทาง แคลร์กล่าว ชาวเมิร์นนิงเคยสร้างความกังวลในอดีตเกี่ยวกับความปลอดภัยอันล้นหลามของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถเข้าถึงได้โดยผู้เฒ่าชาวเมิร์นนิงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น สถานที่ทางจิตวิญญาณแห่งนี้นั้นปิดไม่ให้บุคคลทั่วไปเข้าชม เพื่อรักษาความสมบูรณ์ของความสำคัญทางอภิปรัชญาและงานศิลปะ

เราคัดค้านการเปิดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา เนื่องจากจะเป็นการละเมิดระเบียบปฏิบัติที่ปกป้องถ้ำคูนาร์ดามาอย่างยาวนาน ถ้อยแถลงของกลุ่มระบุ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2018 เราได้ขอความช่วยเหลือเพื่อรักษาความปลอดภัยทางเข้าเป็นลำดับความสำคัญ และแคลร์สะท้อนความคับข้องใจของประชาชนชาวเมิร์นนิง โดยเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มการรักษาความปลอดภัยสถานที่แห่งนี้ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นอีก

มันไม่ดีพอสำหรับที่จะพูดว่า เราจะเพิ่มค่าปรับหรือบทลงโทษอื่นๆ นั่นไม่ใช่สิ่งที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ นี่เป็นเรื่องเกี่ยวกับการเพิ่มความปลอดภัย นอกเหนือจากความสำคัญทางจิตวิญญาณที่สถานที่นี้มีไว้สำหรับชาวเมิร์นนิงแล้ว ศิลปะที่ราบนัลลาร์บอร์ยังให้คุณค่าทางประวัติศาสตร์และวิทยาศาสตร์แก่นักวิจัยชาวออสเตรเลีย ซึ่งก่อนการค้นพบนี้ เชื่อว่าประชากรพื้นเมืองของประเทศนี้มีอายุย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 8,000 ปีก่อนเท่านั้นเอง

เกร็ก ฮันท์ (Greg Hunt) ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมกล่าวว่า การค้นพบนี้ทำให้เกิดความรู้สึกและเปลี่ยนความคิดที่ยอมรับในขณะนั้นไปตลอดกาลว่าชาวอะบอริจินอาศัยอยู่ที่ไหน เมื่อไหร่ และอย่างไรในทวีปออสเตรเลีย ชาวเมิร์นนิงกล่าวต่อไปว่า ถ้ำคูนาร์ดาเป็นมากกว่างานศิลปะอันล้ำค่า แต่สิ่งนี้ไหลลึกลงไปในสายเลือดและตัวตนของเรา ผู้อาวุโสของเราทุกคนเสียใจ ตกใจ และเจ็บปวดจากความเสื่อมเสียของสถานที่นี้ เรากำลังคร่ำครวญถึงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของเรา ถ้ำคูนาร์ดาเป็นเหมือนบรรพบุรุษของเรา บรรพบุรุษของเราทิ้งจิตวิญญาณของเขาไว้บนกำแพง เรื่องราว และบทเพลง

อ้างอิง: Allthatsinteresting

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *