นี่คือ “ข้าวโพด”(แก้วอัญมณี) ที่สีสันสวยงามแปลกตา

ข้าวโพดเป็นพืชไร่ที่มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารสำหรับคนหรือสัตว์ โดยปกติแล้วถ้าพูดถึงสีของข้าวโพด คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงสีเหลืองแต่นี่เป็นข้าวโพดที่สีสันที่สวยงามแปลกตา

รูปที่ 1. ข้าวโพดแก้วอัญมณี (อ้างอิง: Hip2save)

นี่คือข้าวโพดแก้วอัญมณี (Glass Gem corn) หรือข้าวโพดสีรุ้งที่สีสันไม่เหมือนใครที่กลายเป็นที่ฮือฮา หลังจากนั้นไม่นานบริษัทที่ขายเมล็ดพันธุ์หายากเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง/ค้นหา (Native Seeds/SEARCH) ก็เริ่มเพิ่มการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการที่สูงขึ้น บริษัทในรัฐแอริโซนายังคงขายเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดแก้วอัญมณีบนเว็บไซต์ของบริษัท โดยทั่วไปข้าวโพดแก้วอัญมณีจะมีความสูงประมาณ 1.8 เมตร แต่สามารถสูงได้ถึง 2.74 เมตร ข้าวโพดแก้วอัญมณีสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ. 110-120 วันหลังปลูก เมื่อเปลือกแห้งและเป็นสีน้ำตาลเพื่อให้ได้สีที่เข้มและโปร่งแสงที่สุด

มันเริ่มต้นโดย คาร์ล บาร์นส์ (Carl Barnes) จากโอคลาโฮมา (Oklahoma) ผู้ออกเดินทางสำรวจรากเหง้าของชนพื้นเมืองอเมริกัน แต่ประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ถูกเล่าขานโดยเกร็ก โชน (Greg Schoen) บุตรบุญธรรมของคาร์ล ในปี ค.ศ. 2012 เมื่อข้าวโพดได้รับความสนใจในระดับชาติ เรื่องราวของข้าวโพดอัญมณีแก้วเริ่มต้นจากคาร์ลเริ่มปลูกข้าวโพดพันธุ์ที่มีเก่าแก่ในตอนที่เขาเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งในการปลูกข้าวโพดที่มีเก่าแก่เหล่านี้ คาร์ลสามารถแยกสายพันธุ์ของบรรพบุรุษที่สูญเสียไปจากชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกัน เมื่อพวกเขาย้ายไปอยู่ที่โอคลาโฮมาในปัจจุบันในทศวรรษที่ 1800 นำไปสู่การแลกเปลี่ยนเมล็ดพันธุ์ข้าวโพดโบราณกับคนที่เขาได้พบและผูกมิตรกับคนทั่วประเทศ

รูปที่ 2. ข้าวโพดแก้วอัญมณี (อ้างอิง: Canva)

ในขณะเดียวกัน คาร์ลก็เริ่มคัดเลือก ประหยัด และเพาะเมล็ดจากซังที่มีสีสันสวยงามเป็นพิเศษและเมื่อเวลาผ่านไป ผลที่ได้คือข้าวโพดสีรุ้ง โดยเกร็กเพื่อนเกษตรกรได้พบกับคาร์ล ในปี ค.ศ. 1994 ที่งานชุมนุมพืชพื้นเมืองในโอคลาโฮมา คาร์ลได้จัดแสดงข้าวโพดสีรุ้งของเขา ในปีต่อมาคาร์ลได้มอบเมล็ดพันธุ์สายรุ้งให้เกร็กปลูกเมล็ดพันธุ์แรกในฤดูร้อนนั้น เกร็กและคาร์ลยังคงเป็นเพื่อนสนิทกัน และในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเกร็กได้รับตัวอย่างเมล็ดสายรุ้งเพิ่มขึ้น ในตอนแรกเกร็กปลูกข้าวโพดหลากสีจำนวนเล็กน้อยในนิวเม็กซิโก ซึ่งเขาย้ายไปในปี ค.ศ. 1999

ในปี ค.ศ. 2005 เกร็กเริ่มปลูกข้าวโพดสีรุ้งแปลงใหญ่ขึ้นใกล้กับซานตาเฟ่ (Sante Fe) ควบคู่ไปกับพันธุ์ดั้งเดิมอื่นๆ เมื่อข้าวโพดสีรุ้งผสมกับพันธุ์ดั้งเดิมทำให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ ในแต่ละปีของการปลูกต่อเนื่อง โดยข้าวโพดจะแสดงสีสันและลวดลายที่สดใสมากขึ้น โดยเกร็กกล่าวว่า บาร์นส์บอกเขาว่าเมล็ดสายรุ้งเดิมมาจากการผสมระหว่าง ข้าวโพดคั่วของพอนี (Pawnee miniature popcorns) กับข้าวโพดแป้งสีแดงของออเซจ (Osage red flour corn) และข้าวโพดออเซจอีกชนิดหนึ่งที่เรียกว่า เกรย์ฮอส (Greyhorse) โดยเกร็กได้ตั้งชื่อสีและลวดลายต่างๆที่เกิดขึ้น เช่น สีละครสัตว์ สายรุ้ง สีน้ำเงินเข้มและอื่นๆ ข้าวโพดแก้วอัญมณีที่เห็นอยู่นี้เป็นชื่อที่เกร็กคิดขึ้นมาสำหรับข้าวโพดสีฟ้าอมเขียวและสีชมพูอมม่วงที่เขาปลูกในปี ค.ศ. 2007 และเป็นที่รู้จักมากขึ้นในปี ค.ศ. 2012

ในปี ค.ศ. 2009 เกร็กได้ส่งต่อเมล็ดพันธุ์สายรุ้งหลายสายพันธุ์ให้กับบิล แมคดอร์แมน (Bill McDorman) ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเมล็ดพันธุ์ในรัฐแอริโซนาชื่อซีดทรัสต์ (Seed Trust) ซึ่งในเวลานั้นบิลเป็นกรรมการบริหารของบริษัทเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง/ค้นหา ซึ่งเป็นองค์กรอนุรักษ์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร เขาได้นำเมล็ดข้าวโพดแก้วอัญมณีมาด้วยและตอนนี้สามารถซื้อได้ทางออนไลน์ได้

เกร็กซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัท ยังคงอาศัยอยู่ในนิวเม็กซิโกและทำงานเกี่ยวกับข้าวโพดในปี ค.ศ. 2013 ตามคำบอกเล่าของสตีเฟน โธมัส (Stephen Thomas) อดีตผู้ช่วยฝ่ายพัฒนาของบริษัทเมล็ดพันธุ์พื้นเมือง/ค้นหา และสามารถสั่งซื้อได้บนเว็บไซต์หนึ่งห่อได้ในราคา 137 บาท ($3.95) โดยเมล็ดปลูกลึก 2.5 เซนติเมตร และห่างกันประมาณ 15 เซนติเมตร ในบล็อกอย่างน้อยสามแถว แทนที่จะเป็นแถวยาวเดียว เพื่อการผสมเกสรที่ดี ซึ่งแต่ละห่อจะมีประมาณ 50 เมล็ด สตีเฟนกล่าวว่า จะมีประมาณสองถึงสามฝักต่อต้น ดังนั้นผู้ปลูกสามารถคาดหวังได้ประมาณ 100 ถึง 150 ฝักข้าวโพดต่อหนึ่งห่อเมล็ด

รสชาติของข้าวโพดแก้วอัญมณีแตกต่างจากข้าวโพดหวาน ข้าวโพดแก้วอัญมณีโดยทั่วไปจะไม่กินจากซังข้าวโพด คนส่วนใหญ่จะบดเป็นแป้งข้าวโพด ซึ่งนอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำป๊อปคอร์น แม้ว่าจะไม่ได้ออกมาเป็นสีรุ้งก็ตาม ในการทำเช่นนี้ ข้าวโพดจะถูกเก็บเกี่ยวเมื่อมันแห้งและเป็นสีน้ำตาล เมล็ดพืชต้องมีความชื้นต่ำเพื่อให้เมล็ดแตกเมื่อได้รับความร้อน คุณสามารถตากข้าวโพดข้างในให้แห้งโดยเอาเปลือกออก จนกว่าเมล็ดจะหลุดออกจากซังและด้วยเหตุผลนี้ข้าวโพดแก้วอัญมณีจึงเหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับ

อ้างอิง: Businessinsider, Nativeseeds

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *