นี่คือ “แมงกะพรุน”(ไข่ดาว) ที่มีรูปร่างคล้ายกับไข่ดาว

ในมหาสมุทรมีสัตว์น้ำมากมายหลากหลายชนิด แต่ก็มีบางชนิดที่มีรูปร่างลักษณะคล้ายบางอย่างที่เราเห็นบ่อยๆได้ในชีวิตประจำวัน

รูปที่ 1. แมงกะพรุนไข่ดาว (อ้างอิง: Canva)

นี่คือแมงกะพรุนไข่ดาว (Fried Egg Jellyfish) หรือที่เรียกอีกชื่อว่าแมงกะพรุนไข่แดง ที่มีโดมสีเหลืองสดใสล้อมรอบด้วยเนื้อเยื่อใสหรือสีขาวคล้ายกับรูปทรงของไข่ดาวหรือไข่แดงและมีหนวดลากยาวมีสีม่วงเข้มที่มีเหล็กในเป็นพิษอยู่ พิษของเหล็กในนั้นมีผลต่อมนุษย์น้อยมาก พวกมันสามารถเติบโตจนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุดถึง 60 เซนติเมตร มีน้ำหนักสูงสุด 30 กรัม พวกมันมาจากไฟลัมไนดาเรีย (Phylum Cnidaria) ซึ่งมีสัตว์มากกว่า 11,000 ชนิด ที่มีร่างกายทำจากสารคล้ายวุ้นและมีปากและช่องลำตัวเดียว

แมงกะพรุนไข่ดาวสามารถพบได้ทั่วมหาสมุทรเปิดที่ระดับความลึกประมาณ 50 เมตร บางชนิดพบได้ทั้งในมหาสมุทรแอตแลนติกและทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ในขณะที่บางชนิดมักพบในแอ่งน้ำลึกในมหาสมุทรแปซิฟิก แมงกะพรุนมี 2 สายพันธุ์ ที่มักเรียกกันว่าแมงกะพรุนไข่ดาว ซึ่งมาจากตระกูลต่างๆกัน ได้แก่ฟาเซลโลโฟรา แคมชาติกา (Phacellophora Camtschatica) และโคทีลอร์ฮิซา ทูเบอร์คูลาตา (Cotylorhiza Tuberculata)

แมงกะพรุนไข่ดาวมองเห็นได้ง่ายจากโดมสีเหลืองเรียบที่ล้อมรอบด้วยขนสีขาวหรือโปร่งใส เช่นเดียวกับแมงกะพรุนทุกชนิด พวกมันมีหนวดยาวกระจุกที่สามารถยืดยาวได้เกือบ 6 เมตร ร่างกายของแมงกะพรุนประกอบด้วยเซลล์ 2 ชั้น คือ ชั้นหนังกำพร้าชั้นนอกและชั้นใน ระหว่างชั้นเหล่านี้คือมีโซเกลีย (Mesoglea) นี่คือสารคล้ายเยลลี่ที่สร้างร่างกายส่วนใหญ่ สัตว์ไม่มีกระดูกสันหลังเหล่านี้ล่องลอยอยู่ในมหาสมุทรเพื่อจับเหยื่อด้วยหนวดของมัน หนวดของพวกมันได้รับการปรับให้สามารถสู้กับเหยื่อและผู้ล่าที่มีศักยภาพ เช่น เต่าและนกทะเล

รูปที่ 2. แมงกะพรุนไข่ดาว (อ้างอิง: Canva)

แมงกะพรุนไข่ดาวมีอายุสั้น พวกมันมีชีวิตอยู่ได้ประมาณครึ่งปีเท่านั้น โดยปกติจะเป็นช่วงฤดูร้อนถึงฤดูหนาว การวิจัยชี้ให้เห็นว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิของน้ำตลอดฤดูกาล ตลอดวงจรชีวิต แมงกะพรุนจะเปลี่ยนไปมาระหว่างร่างกายสองรูปแบบ ได้แก่ เมดูซา (Medusa) และโพลิป (Polyps) โพลิปดูเหมือนแมงกะพรุนคว่ำ นี่คือระยะของวงจรชีวิตที่เกิดหลังออกจากไข่และก่อนโตเต็มวัย หลังจากที่ไข่ได้รับการปฏิสนธิแล้ว มันจะพัฒนาเป็นพลานูลาเป็นตัวอ่อนที่ว่ายน้ำอย่างอิสระหลังจากผ่านไป 2-3 วัน มันจะยึดติดกับพื้นผิวที่มั่นคงและกลายเป็นติ่งเนื้อ แต่รูปแบบที่เราทุกคนคุ้นเคยและมักเกี่ยวข้องกับแมงกะพรุนคือเมดูซา นี่คือแมงกะพรุนในระยะโตเต็มวัย

แมงกะพรุนไม่มีครีบ เหงือก หรือเกล็ด ไม่มีทั้งสมอง หัวใจ กระเพาะ และอวัยวะอื่นๆอีกมากมายที่เราคุ้นเคย แต่แมงกะพรุนนั้นจะมีระบบประสาท โดยพวกมันมีเครือข่ายของเซลล์ประสาทที่ช่วยให้พวกมันรับรู้ถึงสภาพแวดล้อม เช่น การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของน้ำหรือทิศทางที่พวกมันกำลังเผชิญอยู่ แมงกะพรุนเหล่านี้ประกอบด้วยสารที่เรียกว่ามีโซเกลีย (Mesoglea) ซึ่งสารนี้ส่วนใหญ่ประกอบด้วยน้ำถึง 95% และอีก 5% ของแมงกะพรุนคือกล้ามเนื้อและเซลล์ประสาท

โดยพวกมันไม่เดินทางเป็นกลุ่มแม้ว่าเราจะเห็นภาพพวกมันกลุ่มใหญ่ลอยอยู่ในมหาสมุทรอยู่บ่อยๆ แต่สัตว์เหล่านี้ก็เป็นสัตว์ที่ค่อนข้างสันโดษ โดยปกติแล้วพวกมันจะเกาะกันเป็นก้อนก็ต่อเมื่อพวกมันไหลตามกระแสน้ำหรือแหล่งอาหารเดียวกันเท่านั้น แมงกะพรุนสืบพันธุ์แบบไม่อาศัยเพศ แมงกะพรุนตัวเดียวจะขยายพันธุ์ได้ทั้งแบบอาศัยเพศและไม่ใช้เพศตลอดชั่วชีวิต แมงกะพรุนสร้างเพศโดยวางไข่หรือสเปิร์มลงในมหาสมุทรและปฏิสนธิในแหล่งน้ำเปิด อย่างไรก็ตามแมงกะพรุนจะขยายพันธุ์ในรูปแบบโพลิปเช่นกัน นี่คือกระบวนการที่เรียกว่าการแตกหน่อ ซึ่งติ่งเนื้อจะแบ่งครึ่งเพื่อสร้างติ่งเนื้อที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน

แมงกะพรุนเป็นสัตว์ที่เก่าแก่ พวกมันถูกค้นพบฟอสซิลย้อนหลังไปถึงยุคแคมเบรียนบ่งชี้ว่าแมงกะพรุนมีอายุอย่างน้อย 500 ล้านปี สิ่งนี้ทำให้พวกมันมีอายุมากกว่าไดโนเสาร์ประมาณสามเท่า พวกมันสามารถปรับตัวได้ดีกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศซึ่งแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ แมงกะพรุนดูเหมือนจะไม่ลำบากกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในความเป็นจริงพวกมันเจริญเติบโตได้ดีด้วยซ้ำ ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าประชากรแมงกะพรุนจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากสามารถอยู่รอดได้โดยใช้ออกซิเจนน้อยกว่าสัตว์ทะเลส่วนใหญ่ เมื่อระดับออกซิเจนในน้ำทะเลลดต่ำลง คาดว่าแมงกะพรุนจะมีชีวิตอยู่ได้เกือบทุกชนิด

อ้างอิง: Factanimal, Oceana

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *