นี่คือการค้นพบ “สถาปัตยกรรม”(ยุคเรเนสซองส์) ในบ้านตัวเอง

การรื้อถอนอาคารเพื่อที่จะตกแต่งหรือซ่อมแซมนั้นเป็นเรื่องปกติ โดยอาจจะมีการทุบผนังเก่าออกไปเพื่อที่จะสร้างใหม่ แต่นี่คือการรื้อผนังอาคารที่ทำให้เกิดความประหลาดใจเมื่อพบกับสิ่งที่อยู่ด้านหลังกำแพงนั้น

รูปที่ 1. ฮวน ฟรานซิสโก ผู้ที่ค้นพบสถาปัตยกรรมของยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) (อ้างอิง: Earthlymission)

นี่คือการค้นพบสถาปัตยกรรมของยุคเรเนสซองส์ (Renaissance) ในบ้านของตัวเอง ในเดือนพฤศจิกายน ปี ค.ศ. 2016 ฮวน ฟรานซิสโก (Juan Francisco) นักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์หนุ่มชาวสเปนได้ซื้ออาคารสามชั้นในเมืองอูเบดา (Ubeda) ในประเทศสเปน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา ร่วมกับภรรยาของเขาอยู่ที่เลขที่ 10 ถนนคาวา (Cava Street) เนื่องจากอาคารค่อนข้างทรุดโทรม ฮวนและพ่อของเขาจึงเริ่มปรับปรุงอาคาร โดยเริ่มทุบบริเวณห้องใต้หลังคาที่มีผนังกำแพงร่วมกับอาคารที่เลขที่ 4 ติดถนนซานฮอร์เก (San Jorge) นั้นพังลงบางส่วน ทำให้ปรากฏสถาปัตยกรรมของยุคเรเนสซองส์ในทันใด

ด้านหลังกำแพงอิฐมีสถาปัตยกรรมขนาดใหญ่ที่มีเสาเรียงกันอย่างหนาแน่น มีองค์ประกอบที่เป็นเสื้อคลุมแขนของตระกูลเมสสิยาห์ (Messiah family) จากนั้นพวกเขาลงไปอีกชั้นและเริ่มทลายกำแพงลงเช่นกัน ซึ่งด้านบนสุดเป็นประตูขนาดใหญ่และรูปปั้นครึ่งตัวของนักบุญปีเตอร์ที่วางอยู่ในช่องที่อยู่ถัดจากประตู พวกเขาวิ่งลงไปที่ชั้นล่างและเข้าไปในห้องใต้ดิน ซึ่งพวกเขายังพบแท่นที่ออกแบบอย่างวิจิตรของประตู โดยถ้ารวมกับห้องใต้หลังคา โครงสร้างสถาปัตยกรรมนี้จะมีความสูงกว่า 11 เมตร

เนื่องจากการค้นพบที่เหลือเชื่อนี้ ฮวนจึงแจ้งกับทางการในทันที ซึ่งสมาชิกร่วมกับผู้เชี่ยวชาญของคณะผู้แทนวัฒนธรรมอันดาลูเซียน ได้ตรวจสอบแล้วว่าการค้นพบอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมาก โดยมีการสร้าง 2 แห่ง ไว้ด้วยกัน

อาคารขนาดใหญ่นี้ถูกสร้างขึ้นใหม่หลายครั้งแต่ศตวรรษที่ 16 โดยเป็นทางเข้าหลักของโรงพยาบาลเซนต์จอร์จ (St. George’s Hospital) ซึ่งมีรูปแบบที่สร้างขึ้นครั้งสุดท้ายในศตวรรษที่ 19 ที่แกะสลักโดยช่างหินกอนซาโล่ มาร์ติเนซ เด อลาร์กอส (Gonzalo Martínez de Alarcos) ตามการออกแบบของอันเดรส เด แวนเดลวิรา (Andrés de Vandelvira) สถาปนิกยุคเรเนสซองส์ที่มีชื่อเสียงที่สุดของสเปน

รูปที่ 2. โครงสร้างแรกที่พบ (อ้างอิง: Earthlymission)

ซึ่งค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงโรงพยาบาลแห่งนี้ในปี ค.ศ. 1545 โดยนายพลเปโดร อัลมินเดส ชิริโน (Pedro Almindes Chirino) ผู้พิชิตที่กระหายเลือดและโหดเหี้ยม ซึ่งในช่วงสุดท้ายของชีวิตในฐานะอัศวินแห่งซานติอาโก เปโดรรู้สึกเสียใจกับการใช้ความรุนแรงและการเย่อหยิ่ง ดังนั้นเขาได้พยายามสร้างและปรับปรุงโรงพยาบาลซานจอร์จด้วยค่าใช้จ่ายของเขาเอง ซึ่งร่วมกับเซนต์จอร์จ โดยมักจะเรียกกันว่าโรงพยาบาลของผู้ก่อตั้งจิตวิญญาณบริสุทธิ์หรือโรงพยาบาลคนจนของพระเยซูคริสต์ (Poor of Jesus Christ)

จากเอกสารในสมัยนั้นเปิดเผยว่าขุนนางต้องขออนุญาตจากสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นพิเศษเพื่อวางรูปปั้นครึ่งตัวของเซนต์ปีเตอร์ในช่องด้านหน้าเพื่อเป็นตัวแทน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ปกติในช่วงเวลานั้น แต่ต่อมาก็เริ่มแพร่หลาย ซึ่งอาคารหลังนี้เป็นส่วนหน้าที่มีรายละเอียดน่าประทับใจของโบสถ์ศีลมหาสนิท (Blessed Sacrament chapel) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ. 1347 อาคารโบสถ์หลังนี้ใช้สำหรับฝังศพ ซึ่งเป็นที่มาของสถานพยาบาลที่สงวนไว้สำหรับผู้ที่มีไข้และโรคเรื้อน โดยได้สร้างขึ้นข้างๆโบสถ์เพราะว่าเป็นเหมือนพระวิหารของพระเจ้า แน่นอนว่าเปโดรได้สร้างโบสถ์ยุคกลางแห่งนี้ขึ้นใหม่ในสไตล์ยุคเรเนสซองส์

แม้ว่าตามกฎหมายปี ค.ศ. 1985 ว่าด้วยมรดกทางประวัติศาสตร์ที่รวมอยู่ในรัฐธรรมนูญของสเปน ฮวนและครอบครัวของเขาสามารถเรียกร้องเงินจำนวนครึ่งหนึ่งของมูลค่าของการค้นพบได้ แต่กระทรวงวัฒนธรรมนั้นไม่ต้องการจ่ายเงินให้กับผู้ค้นพบโดยชอบธรรม หน่วยงานผู้เชี่ยวชาญได้ปฏิเสธความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของการค้นพบและคุณค่าที่โดดเด่นเหล่านี้

ฮวนและครอบครัวไม่สามารถดำเนินการปรับปรุงบ้านของครอบครัวของตนต่อไปได้ แน่นอนว่าฮวนได้ฟ้องร้องกระทรวงเนื่องจากการละเมิดกฎหมายของรัฐซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของคดีฟ้องร้องหลายคดี โดยคดีความนั้นกินเวลานานถึง 4 ปี โดยได้ข้อสรุปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ค.ศ. 2020 โดยศาลสูงแห่งอันดาลูเซีย ว่าฮวนจะได้รับรางวัลจากทางการเงินสูงถึง 50% สำหรับการค้นพบของเขา และยังรวมถึงเจ้าของที่อยู่ใกล้เคียงเลขที่ 8 และ 12 ถนนคาวาที่จะได้รับคนละ 25% อีกด้วย

รูปที่ 3. สถาปัตยกรรมของยุคเรเนสซองส์ด้านหลังกำแพง (อ้างอิง: Earthlymission)

อย่างไรก็ตาม ฮวนก็ยังไม่ได้รับค่าตอบแทนเนื่องจากทางเมืองและกระทรวงวัฒนธรรมรู้สึกไม่พอใจที่แพ้คดี แม้ว่าเมืองนี้จะได้รับการคุ้มครองให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโก (UNESCO) ในปี ค.ศ. 2003 เนื่องจากอาคารของสถาปนิกยุคเรเนสซองส์ของอันเดรส เด แวนเดลวิรา แต่หน่วยงานเฉพาะทางยังไม่ได้ขยายขนาดของอาคารที่มีสถาปัตยกรรมเพราะขาดเงินสนับสนุน

ฮวนได้นำเสนอสองแนวคิด โดยให้ซื้ออาคารและเปลี่ยนให้เป็นพิพิธภัณฑ์ยุคเรเนสซองส์ที่น่ารักหรือร้านอาหารเล็กๆหรืออาจจะเป็นร้านกาแฟเพื่อประโยชน์ของสาธารณะ หรืออีกแนวคิดหนึ่งคือ เขายินดีที่จะรื้อถอนส่วนหลังของบ้านให้กว้าง 2 เมตร เพื่อให้ทุกคนได้ชื่นชมสถาปัตยกรรมยุคเรเนสซองส์จากตรอกแคบๆ ที่สร้างขึ้นในลักษณะนี้ แต่ทางเมืองต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงอาคารทั้งหมด แต่เขาก็ไม่ได้รับการตอบสนองใดๆจากทางเมือง คงต้องรอดูว่าเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

อ้างอิง: Hungary

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *